วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

"จินตนาการ" สำคัญกว่า "ความรู้"

"จินตนาการ" สำคัญกว่า "ความรู้"

Imagination is more important than knowledge.Knowledge is limited. Imagination encircles the world.





"จินตนาการ" สำคัญกว่า "ความรู้"
เพราะความรู้นั้นมีจำกัด แต่จินตนาการมีอยู่ทุกพื้นที่บนโลก


         ความรู้  ทำให้เราฉลาดขึ้น เเต่มันก็เป็นสิ่งที่อยู่คงเดิมอย่างนั้น หากเราไม่นำความรู้นั้นไปใส่ในจินตนาการเพิ่มเติม เปรียบเทียบง่ายๆ ความรู้ก็เหมือนกับปัจจุบัน ขณะที่จินตนาการเปรียบได้กับอนาคต เเม้เเต่ผู้ที่ได้รับการยกย่องจากนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกว่าเป็นผู้ทรงความรู้ ไอน์สไตน์ ยังไม่อยากให้เราจบเเค่ความรู้ เเละให้ความสำคัญกับจินตนาการมากกว่า เพราะเป็นสิ่งที่สามารถสร้างสรรค์เรื่องราวใหม่ๆ ให้เกิดบนโลกของเรามานักต่อนักเเล้ว



        บางคนอาจมีข้อโต้เเย้งว่า ความรู้ที่ทำให้โลกเกิดความเปลี่ยนเเปลงไปต่างๆ นานา เพราะไม่ว่ายุคไหนๆ ก็เกิดการเปลี่ยนเเปลง อันเนื่องมาจากคนในสังคมมีความรู้ต่างหาก ไม่ใช่เป็นเพราะการที่คนมีจินตนาการ ที่กล่าวเช่นนั้นก็ถูกเเต่ถูกไม่หมด เเม้ว่าความรู้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนเเปลงไปในทิศทางต่างๆในสังคมเเต่ละยุคสมัยจนถึงปัจจุบัน เราอาศัยเพียงความรู้อย่างเดียวก็ไม่สามารถก่อให้เกิดความเปลี่ยนเเปลงได้ หากไม่อาศัยจินตนาการด้วยตามที่ได้กล่าวเเล้วว่าจินตนาการเเละความรู้ต้องไปด้วยกันเสมอ ถึงเเม้ว่าตนเองจะมีความรู้ ต่อให้ความรู้มากขนาดไหนเเต่ถ้าหากไม่มีจินตนาการก็ไม่มีทางรู้เลย ว่าจะเอาความรู้นั้นไปทำอะไร ใช้กับอะไร เเละเมื่อใช้ทำสิ่งนั้นเเล้วผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไรก็ไม่สามารถที่จะใช้ความรู้นั้นๆ ให้เกิดผลได้เลย


                                           

         อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อาจไม่ได้บอกเพียงว่า "จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้"เเต่เค้าบอกเต็มๆว่า..."หากต้องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ จงมีความรู้ที่เพิ่มพูน จงหาความรู้ให้ถ่องเเท้ มีความความรู้ที่หลากหลาย เเละมีความเข้าใจล้ำลึกให้พอ..."


     หากยังคิดอะไรไม่ออก จงวางความรู้นั้นลง เเล้วใช้จินตนาการ เพราะ ณ วินาททีนั้น เเละเมื่อจินตนาการเสร็จ จงเอาความรู้ทั้งมวลที่เรามี ทำให้จินตนาการนั้นเป็นจริง....

อะไรอยู่ใน..ธุรกิจเครือข่าย

  อะไรอยู่ในธุรกิจเครือข่าย     




"จุดเเข็งของธุรกิจเครือข่าย ก็คือการกระจายสินค้าเเบบปากต่อปาก ที่คง Concept ใช้ดีเเล้วบอกต่อ"


       ทุกวันนี้มีคนจำนวนมากต้องการอิสรภาพทางการเงินเเละเวลา จึงกระโดดเข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย MLM กันอย่างเเพร่หลาย เพราะโอกาสในการสร้างรายได้อย่างไร้ขีดจำกัดที่เป็นเป้าหมายดึงดูดล่อตาล่อใจ เเถมยังลงทุนน้อยไม่ยุ่งยากอีกเสียด้วย


       ธุรกิจเครือข่าย MLM (Multi-level Marketing) คือ การตลาดขายตรงเเบบหลายชั้น หรือ ที่เรียกว่ากันว่าการตลาดแบบเครือข่าย Network Marketing บางครั้งก็เรียกกันว่า “ธุรกิจเครือข่าย”  เป็นระบบหนึ่งของการตลาดที่ใช้ในการกระจายสินค้า เพื่อลดต้นทุน ระหว่างการเดินทางของสินค้าจากเเหล่งผลิตไปจนกระทั่งถึงมือผู้บริโภค ซึ่งระหว่างที่สินค้าเดินทางไปสู่มือผู้บริโภคในเเบบการตลาดปกติ จะกินเงินทุนไปเป็นจำนวนมาก ประมาณ 60% ของเงินที่บริษัทต้องเสียให้กับพ่อค้าคนกลาง ทั้งพ่อค้า ขายส่ง พ่อค้าขายปลีก การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การประสานงาน เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ทำความรู้จักในตัวสินค้า ให้สินค้าติดตลาดจนสามารถตีตลาดสู้กับคู่กับคู่เเข่งได้ ทั้งหลายทั้งปวงในขั้นตอนการเดินทางของสินค้าเพื่อให้ถึงมือของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้บริโภคสินค้านั้น เหมือนการสุ่มเหวี่ยงเเหที่อาจจะได้ปลาหรือไม่ได้ปลาก็ได้ในการขายตรงเเบบปกติ


    MLM  จึงเป็นการให้นักขายจำนวนมากเข้ามามีส่วนร่วมในการขายผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตไปยังลูกค้าโดยตรง จึงเป็นการตัดพ่อค้ากลางออกไป โดยจะมีผู้ผลิต ผู้กระจายผลิตภัณฑ์ เเละลูกค้าอยู่ในระบบเดียวกัน เป็นช่องทางการจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ สามารถขยายตลาดได้อย่างรวดเร็ว มีการการเเบ่งเป็นผลตอบเเทนเป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันไปตามเงื่อนไขของเเต่ละเเบบแผน


      ธุรกิจ MLM จึงเปิดเพื่อขายผลิตภัณฑ์เเล้วให้ผู้บริโภคผลักดัน ผลิตภัณฑ์ให้ได้มากที่สุด บริษัทจะมีการผลิตผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะดันยอดขายให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ

     
      ปัจจุบัน MLM กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงจนก่อให้เกิดเครือข่าย การขายต่างๆ ขึ้นมามากมาย นำไปสู่การเเข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น จึงมีการปรับเเผนการตลาดเพื่อเข้าเเข่งขัน รวมทั้งนักขายจำนวนมากที่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเข้าไปทำได้ไม่นานไม่สำเร็จ หรือต้องขายให้ได้มากๆ เพื่อได้รับค่าคอมมิสชั่นมากๆ ก็เลยเข้าใจผิดว่า MLM นั่นคือการขายตรงที่ไม่ดี ซึ่งการทำธุรกิจของนักขาย MLM ที่ถูกต้องควรเป็นเช่นนี้

       1. ทดลองใช้สินค้า

       2. ใช้เเล้วรู้สึกได้ถึงคุณภาพของสินค้า

       3. สมัครสมาชิก

       4. หาความรู้เพิ่มเติม

       5. เเนะนำผู้อื่นเพื่อสร้างเครื่อข่าย องค์กรของคนขึ้นมา



      จึงเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงเพราะปัจจุบันนี้มีผู้คนจำนวนมากรังเกียจเเละไม่เข้าใจ MLM อย่างเเท้จริง เหตุเป็นเช่นนั้นเพราะมีองค์กรมากมายที่นำ MLM ไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องเพื่อหลอกลวงประชาชนด้วยระบบเครือข่ายในลักษณะ "แชร์ลูกโซ่" หลอกลวงที่ถูกจูงใจให้ไปเป็นนักขาย เพราะแชร์ลูกโซ่ไม่ได้มุ่งเน้นขายผลิตภัณฑ์ เเต่อาจนำผลิตภัณฑ์มาบังหน้าเพื่อหลอกลวงผู้ตกเป็นเหยื่อ


      สำหรับ MLM ที่ดีจะต้องเป็นระบบที่สามารถกระจายผลิตภัณฑ์ จากผู้ผลิตไปสู่ลูกค้าอย่างยุติธรรม เเละมีการพัฒนาไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด เเละหากคุณต้องการเป็นนักขายชั้นยอดในวงการ MLM เเล้วละก็พยายามเรียนรู้เเละฝึกฝนจึงสามารถก้าวไปเป็นนักขายระดับสูงได้  โดย "ทีม" เเละ "โครงสร้างเครือข่าย" ในการเป็นนักขายเเบบ MLM มีความสำคัญ ใครทำงานคนเดียวไม่มีทางสำเร็จ


      การสอนงาน ระบบการทำงาน ทีมงานที่ดีจะช่วยขับเคลื่อนคุณอย่างถูกต้อง ก่อให้เกิดการทำซ้ำเเล้วถ่ายทอดลงไปในสายงานของคุณไปเรื่อยๆ องค์กรคุณจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เเต่ถ้าได้ทีมงานไม่ดี สอนงานผิดๆ  ก็จะถ่ายทอดกันเเบบผิดๆ เเละจะนำไปสู่ความล้มเหลวในที่สุด


      ที่สำคัญไม่มีผลิตภัณฑ์ในงาน MLM ชนิดใดที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกคน ดังนั้นนักขายจึงเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายขึ้นมาโดยเฉพาะกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด หรือ 2-3 กลุ่มที่เจาะจงจะขายผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าเฉพาะกลุ่มนั้น ปกติเเล้วผลิตภัณฑ์ทุกชนิดมักจะบอกรสนิยมหรือกลุ่มคนของลูกค้าเป็นที่เฉพาะเจาะจงอยู่เเล้ว เเต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับนักขายที่มีความสามารถ ที่มีประสบการณ์ เจอใครก็ต้องขายผลิตภัณฑ์ของตนให้ได้  เพราะถ้าขายไม่ได้ก็เเสดงว่าตนเองไม่เอาไหน ซึ่งนี่ก็เป็นความเข้าใจผิด



       การขายเเบบ MLM เเม้จะมีส่วนดีอยู่มาก เเต่ก็มีข้อเสียมหาศาล เพราะการที่นักขาย MLM พยายามมากจนเกินไป ขายจนเกิน หลักความจริงด้วยราคาที่เเพงเกินเหตุไม่สมกับคุณภาพสินค้า 


       ธุรกิจขายตรง จะเน้นไปที่การขายสินค้า ทำยอด เเละกำไรจากการขายปลีก ผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ ส่วนใหญ่จะต้องเป็น นักขายมืออาชีพ ที่มีความสามารถ จริงๆ


       ประเทศ ญี่ปุ่น มีบริษัทที่เปิดดำเนินการในลักษณะของธุรกิจเครือข่ายมากที่สุดในเอเชีย เเละใน สหรัฐอเมริกา ก็ครองเเชมป์ ที่มีบริษัทที่ดำเนินการในธุรกิจดังกล่าว มากที่สุดในโลก เเละบริษัทชั้นนำทั่วโลก กำลังหันมานิยมใช้การตลาดระบบเครือข่ายกันมากขึ้น เพราะการตลาดระบบนี้สามารถกระจายสินค้าเข้าสู่ผู้บริโภค ได้มากเเละเร็วที่สุด

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

มีมนุษยสัมพันธ์

มีมนุษยสัมพันธ์




         ผู้นำที่ปรารถนาจะประสบความสำเร็จ โดยใช้มนุษยสัมพันธ์ควรจะได้พิจาราณาลักษณะของผู้นำที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เเละยึดไว้เป็นหลัก มีดังนี้

     1. มีความสุภาพ อ่อนโยน ยิ้มเเย้ม เเละเป็นกันเองกับผู้อื่น

     2. เข้าใจเห็นอกเห็นใจผู้ร่วมงาน มีเมตตาเเละกรุณา 

     3. ประมาณตน ไม่ถือว่าตนดีกว่าผู้อื่น

     4. พยายามเข้าใจความต้องการ เเละปัญหาของเเต่ละคน

     5. ให้ความสำคัญเเก่ทุกคน ไม่เหยียบหยามผู้อื่น

     6. ยกย่องและให้ความรู้เเละความคิดริเริ่มของผู้อื่น 

     7. มีความจริงใจ ไมตรีจิตเเละช่วยเหลือผู้อื่น

     8. ทำตนให้เป็นที่นับถือ

     9. มั่นใจตนเองเเละผู้ร่วมงาน

     10.ชมเชยคนอื่นเสมอ ให้เกียรติในผลงานผู้อื่น

     11.ปรับปรุงบุคคลิกของตนเองอยู่เสมอ

     12.ไม่นินทาว่าร้ายเเละไม่หวั่นไหวสิ่งเหล่านี้

     13.เรียกชื่อเเละจำชื่อผู้อื่นได้เเม่นยำ

     14.ไม่ถกเถียงในเรื่องความเชื่อ ศาสนาเเละการเมือง

     15.มีความอดทนอดกลั้น

     16.ไม่นินทางว่าร้ายเเละไม่หวั่นไหวต่อสิ่งนี้

     17.มีอารมณ์ขัน ไม่ชอบเรื่องหยาบโลน

     18.เป็นคนยุติธรรม ไม่เอาเปรียบผู้อื่น

     19.พูดกับคนอื่น รู้จักกาลเทศะของการใช้คำพูด



     หลัก 5 ย  ของมนุษยสัมพันธ์


ยิ้มกับคนอื่น
ยินดีในความสำเร็จของผู้อื่น
ยกย่องผู้อื่นที่กระทำดี
ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
ยืดหยุ่น

     ลองดูซิว่าคุณทำได้กี่ข้อ.....


ที่มา :  หลักสูตร "ยุทธศาสตร์ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ รุ่นที่ 17"

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คิดเช่นไร...ชีวิตก็เป็นเช่นนั้น

คิดเช่นไร...ชีวิตก็เป็นเช่นนั้น




     แต่คุณเชื่อจริงๆ...หรือเปล่า ?  ว่า......

    ความคิด คือ ปัจจัยสำคัญที่สามารถกำหนดพฤติกรรมและชีวิตของคนเรา


    โดยเฉพาะกับความคิดแย่ๆ อาจเป็นสิ่งที่ทำลายชีวิตของเราได้ตลอดเวลา


       เมื่อใดก็ตาม ที่คุณมีความเข้าใจพลังอำนาจของความคิดเเล้ว คุณก็สามารถที่จะบรรลุความสำเร็จในสิ่งที่คุณปราปรถนาได้ เครื่องมือความคิดอันเยี่ยมยอด คือ จินตนาการ พลังอำนาจเเห่งความคิดนี้ จะซึมซับเข้าสู่จิตใต้


    ภาพของความคิดหรือจิตนาการที่คุณสร้างขึ้นนั้น จะถูกนำเข้ามาเก็บไว้ในจิตใต้สำนึกของคุณมีเเนวโน้มที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้อย่างจริงที่คุณปรารถนา


       คุณจะต้องกำหนดจิตคิดถึงสิ่งที่คุณต้องการ  ด้วยความเชื่อมั่นว่าความตั้งใจของคุณนั้นเป็นเหมือนพลังของเเสงเลเซอร์ พึงระลึกอยู่เสมอว่า ถ้าคุณปล่อยให้จิตภาพในเชิงลบเข้าสู่จิตใต้สำนึกของคุณเเล้วก็จะทำให้คุณได้รับจิตภาพทางด้านลบนั้นเข้าสู่ชีวิตคุณด้วย



       ข้อความประโยคนี้อาจจะดูผิวเผินเหมือนเป็นการให้เเง่คิดธรรมดาๆ เเต่ถ้าคุณลองมองทบทวนตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาของคุณจะพบว่าความเป็นไปของชีวิต ล้วนดำเนินไปตามจิตภาพเเห่งความคิดของคุณทั้งสิ้น ดังที่คุณได้สะสมจิตภาพนั้นมาเป็นเเรมปี



      จงคอยเฝ้าระมัดระวังไม่ปล่อยให้จิตภาพในเชิงลบเข้ามาสู่จิตใต้สำนึกของคุณได้


      ดังนั้นในการดำรงชีวิตของคุณทุกวันนี้ คุณควรสร้างจินตนาการเเละเก็บภาพเเห่งจินตนาการของคุณไว้ในลักษณะสร้างสรรค์หรือเป็นเชิงบวกเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นภาพแห่งความคิดที่อยากมี อยากได้ อยากเป็น อะไรก็เเล้วเเต่ พึงระลึกว่า ให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์เท่านั้น


      กุญเเจดอกนี้ก็คือ "กำหนดจิตภาพของความคิด" กำหนดจิตคิดว่า คุณต้องการอะไร  จิตของคุณมุ่งเดินทางไปทิศไหน  สมมุติว่า คุณต้องการที่จะมีงานดี รายได้ดี ให้มีเงินมากขึ้น หากขณะเดียวกันคุณก็คอยแต่คิดว่า คุณไม่มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ ภาพแห่งความคิดของคุณก็จะกระทำให้คุณเป็นไปดังที่คุณคิด



     ...มีวิธีที่มั่นใจได้มากที่สุดวิธีหนึ่งคือ "การยืนยันอย่างเเน่ใจ" โดยคุณโปรเเกรมภาพของจินตนาการ ในสิ่งที่คุณปรารถนา ไม่ใช่จินตนาการในสิ่งที่คุณไม่ได้ปรารถนา 



     เมื่อคุณได้รับรู้จินตภาพของคุณเเละนำเข้ามาเก็บไว้ในจิตใต้สำนึกเเล้ว คุณก็จะเรียนรู้ถึงการเปลี่ยนเเปลงภาพนั้นให้เกิดประโยชน์เเละลบล้าง จินตภาพในเชิงลบให้ออกไปจากจิตใต้สำนึกจนหมดสิ้น



     ...จงจำเเละคิดอยู่เสมอว่า ความคิดของคุณนั้น ก่อให้เกิดความเป็นจริงกับชีวิตของตนเองได้ โดยที่คุณก็สามารถควบคุมกำกับความคิดได้ตลอดเวลา เเต่คุณต้องรับผิดชอบความคิดต่างๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาในดวงจิตของคุณ ดังนั้นจงเเน่ใจว่า จิตใต้สำนึกของคุณเก็บไว้เเต่เฉพาะความคิดที่ดีเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ ความเจริญ ความสำเร็จ ความสุขให้เเก่ตนเอง ครอบครัวคนที่เรารัก 


    ...จงรีบเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ โดยการพยายาม “ คิดสู้ ”  คิดบวก หรือมองให้เห็นว่า...เป็นสิ่งที่ท้าทาย...ความสามารถของเรา และพยายามสร้างกลุ่มความคิดในด้านบวก...ที่จะช่วยเพิ่มหรือเสริมกำลังใจให้กับเรา...ต่อสู้กับอุปสรรค์และปัญหาต่างๆต่อไป อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยของเราในอนาคต... เช่น  บอกกับตัวเราเองว่า “ เราทำได้แน่นอน ” หรือ “ ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกินความพยายามของเรา ”  หรือ “ ความสำเร็จอยู่ไม่ไกล ” เป็นต้น  ทำให้เราเป็นคนที่มีความมั่นใจ  มีใจสู้  มีความอดทน  ไม่วิตกกังวลจนเกินไป   กล้าเผชิญกับปัญหา..ได้อย่างไม่หวาดกลัว  เพียงเท่านี้  เราก็จะมีแรงกำลังลุกขึ้นมา...ต่อสู้กับปัญหาต่างๆ และสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้...ในที่สุด 


เคล็ดลับง่ายๆ  ก็คือ....


                               “ แค่เปลี่ยนความคิด.....ชีวิตก็เปลี่ยน ” 

                            คุณ ลองทำดูสิค่ะ  แล้วคุณจะรู้ว่า...มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร ?  เลย 

                             ที่... เราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา



ที่มา :  โดย อ.ดร.บุญเลิศ  สายสนิท (A.M.D., M.H.A., N.L.P., C.Ht)
ผู้เชี่ยวชาญการสั่งจิตบำบัดทางการแพทย์และทันตกรรมนานาชาติ  USA 

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เปลี่ยนชีวิต...ความคิดคุณในวันนี้

เปลี่ยนชีวิต..ความคิดคุณในวันนี้




ทำไม? คนบางคนเขาสำเร็จ ทำไม? คนส่วนใหญ่ล้มเหลว

ไบรอัน เทรซี่ เขาประสบความสำเร็จเพราะ 3 สิ่ง พูดถึงลักษณะของคน 2 แบบ

ไบรอัน เทรซี่ เล่าว่า เขาประสบความสำเร็จเพราะ 3 สิ่งต่อไปนี้

1.เขาพบว่า..ตัวเขาเอง..คือผู้รับผิดชอบต่อชีวิตของตนเอง
2.เขาพบว่า..คนที่ประสบความสำเร็จล้วน ตั้งเป้าหมายชัดเจนทั้งสิ้น
3.เขาตะหนักพบว่า..เขาต้องการหาความรู้ต่อเนื่องตลอดไป อย่างไม่มีวันหยุด

ไบรอัน เทรซี่  พูดถึงลักษณะของคน 2 เเบบไว้อย่างน่าสนใจ
คนสำเร็จ คิดอยู่ตลอดเวลาว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร เเละจะทำอย่างไร? จึงจะได้มันมา

ในขณะที่คนไม่สำเร็จ  .....  คิดเเละพูดเเต่สิ่งที่เค้า ไม่ต้องการอยู่ตลอดเวลา


คนไม่สำเร็จ เค้าคิดเเละพูดถึงคนที่เค้าโกรธ คนที่เขาเกลียด
พวกเค้าเอาแต่เฝ้าคิดว่า  จะโทษใครดี?
เเล้วก็นั่งสงสัยต่อไปว่า ทำไม? ชีวิตไม่ดีขึ้นสักที


ชีวิตของคน 2 แบบ ที่จะเเตกต่างกันนั้น
ไม่ได้ต่างกันเพราะ ความสามารถ ต้นทุนเดิม
ที่มีการศึกษา ความจนรวย หรืออะไรก็เเล้วเเต่
เเต่มันอยู่ที่คน 2 แบบนี้



"โฟกัส" เรื่องอะไรต่างหาก?

คนส่วนใหญ่ เมื่อมองย้อนหลังกลับไปเเล้ว น่าเสียดาย วัน เวลา มากๆ
เพราะวันๆ หนึ่งเอาแต่ ..โฟกัส "ปัญหา" ไม่เคยหา "ทางแก้ไข"

เอาเเต่คิดว่า....คนนั้นผิด...คนนี้เเย่
ที่ทำให้ชีวิตเราเป็นเเบบนี้
เรามันไม่ผิดเลย  เรามันถูกทุกอย่าง
ซึ่งวิธีคิดเเบบนั้นเเท้จริงเเล้ว "ผิดมหันต์"


สิ่งที่เราคิดเเละพูดถึงตลอดเวลา จะกลายมาเป็นอนาคตของเรา
ยิ่งรับผิดชอบชีวิตตนเองมากเท่าไหร่ ยิ่งควบคุมอนาคตตัวเองได้มากเท่านั้น


ถ้าอยากสำเร็จในชีวิต !!!

ให้โฟกัสไปที่ "เป้าหมาย"  ไม่ใช่  "ที่ปัญหา"
เลิกโทษคนอื่น เปลี่ยนความคิด การกระทำ จริงจังกับชีวิตให้ได้ เข้ารับผิดชอบชีวิตตนเองซะที



ไม่มีที่ ทำไม่ได้...มีแต่ ไม่ได้ทำ

"ไม่มีที่ ทำไม่ได้...มีแต่ ไม่ได้ทำ"




    ถ้ามีใครบางคน เสนอโอกาสที่น่าสนใจสุดๆ เเต่คุณยังไม่เเน่ใจ....ว่าคุณจะทำได้ไหมสิ่งที่คุณควรทำ คือ ตอบรับโอกาสนั้นๆ เเล้วมาเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรทีหลัง

    “ริชาร์ด แบรนด์สัน”


    หลายครั้ง ที่คนเรามักจะพลาดโอกาสในชีวิต
    ด้วยเพียงคำว่า....เราลังเล กับโอกาสที่เข้ามา
    เพราะเราไม่เเน่ใจในศักยภาพตนเองเเละสงสัยกับตัวเองว่า เราเนี่ยนะ...จะทำได้ ?

    ** ความจน บนโลกใบนี้ มี 4 เเบบ


    1. จนเงิน มีเงินไม่พอใช้เลี้ยงดูตัวเองหรือไม่พอเลี้ยงดูคนที่เรารัก

    2. จนเวลา ไม่มีเวลา ใช้ชีวิต ไม่มีเวลาทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ


    บางคน  มีเงิน เเต่ไม่มีเวลาใช้เงิน
    บางคน มีเวลา เเต่ไม่มีเงินใช้
    บางคนหนักกว่า ไม่มีทั้งเงินเเละเวลา
    ซึ่งส่วนใหญ่ จะโทษว่าเป็นเพราะข้อ 3.นั่นคือ


    3. จนโอกาส ไม่มีโอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิต หลายคนบ่นว่า เราก็ขยันนะ เเต่ทำไม? ไม่ประสบความสำเร็จเสียที


    # เราอาจต้องเข้าใจก่อนว่าคนสำเร็จ ทุกคน ล้วนต้องขยันเเต่คนขยัน ไม่ทุกคนที่จะสำเร็จ

    - เพราะขยันผิดที่ สิบปีก็ไม่รวย 
    - ถ้าการทำงานหนักอย่างเดียวจะทำให้ประสบความสำเร็จ กรรมกรเเบกหาม คงร่ำรวยทุกคน
    - ดังนั้น การ work hard อย่างเดียวไม่พอ
    - หาโอกาสที่ดีเเล้วเมื่อเจอ จงอย่าลังเลที่จะคว้ามันเเต่ที่เเย่กว่า จนโอกาส นั่นคือ 
    - หลายครั้ง เรามีโอกาสดีๆ เข้ามาเเต่เรานั่นล่ะ...ปฏิเสธโอกาสนั้นเอง เเบบนี้เราเรียกว่า จนเเบบที่ 4 คือ


    4. จนความคิด 

    - มัวแต่คิดดูถูกศักยภาพตัวเอง
    - คิดลบ
    - คิดในสิ่งที่ไม่เป็นนประโยชน์ 
    - คิดเเต่สิ่งที่ทำให้ตัวเองไม่สำเร็จ
    - คิดว่าตัวเองคงทำไม่ได้

    * เเล้วก็ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไป


    * จนเงิน จนเวลา เจอโอกาสดีๆ ยังเปลี่ยนแปลงชีวิต เเต่ถ้าจนความคิด รับรอง...ชีวิตไม่มีวันเปลี่ยนแปลง


    * วันนี้ เวลาเราเจอคนดูถูกเรา เราชอบไหม?
    - ถ้าเราบอกว่า เราไม่ชอบ เเล้วทำไม >>> เราชอบดูถูกศักยภาพตัวเอง?


    * ต่อให้คนร้อยคน บอกว่าเราทำได้
    - เเต่เราบอกตัวเอง ว่าเราทำไม่ได้  >>> ก็ไม่มีประโยชน์อะไร


    * เพราะไม่ว่า เราจะคิดว่าเราทำได้ หรือไม่ได้
    - เราก็คิดถูกเสมอ >>> เพราะเราจะเป็นอย่างที่เราคิด


    * พลิกความคิด ชีวิตเปลี่ยนเเน่นอน เลิกจนความคิด
    ตัดคำว่า "เราทำไม่ได้ ออกไปจากชีวิตกันเถอะ"
    - ไม่มี "ทำไม่ได้" มีเเต่ "ไม่ได้ทำ"


    * "มีคน 4 เเบบ" เลือกซิว่า? ปัจจุบันขณะที่คุณอยู่ในเเบบไหนเเละในหัวใจคุณที่เเท้จริง   ต้องการเป็นคนอยู่ในเเบบไหน?


    มีเงิน  มีเวลา
    มีเงิน  ไม่มีเวลา
   ไม่มีเงิน   มีเวลา
   ไม่มีเงิน  ไม่มีเวลา


  - มันอยู่ที่คุณเลือกเครื่องมือ (อาชีพ)
  - มันคือ "โอกาส"



ที่มา : คุณหมอตาล พัตร์ชัย เรือนสิทธิ์

วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

จงคิดว่าคุณทำได้

"จงคิดว่าคุณทำได้ ..."




ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้....คุณก็จะทำได้ 

การที่เราจะสร้างเเละทำให้มีพลังเเห่งความเชื่อเเข็งแกร่ง มี 3 ประการ

     1. คิดว่าต้องสำเร็จ อย่าคิดว่าล้มเหลว
     2. เตือนตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ว่าคุณเก่งกว่าที่คุณคิด
     3. คิดให้ใหญ่

สร้างความเชื่อมั่นในตนเอง เเละทำลายความหวาดกลัว 

     1. ปฎิบัติเพื่อรักษาความกลัว เเยกเเยะความกลัวออกมาเเละทำในสิ่งที่เหมาะสม

   การไม่ทำอะไรกับสถานะการณ์ที่เกิดขึ้น เท่ากับเป็นการเสริมความเเข็งเเกร่งให้กับความกลัวเเละทำลายความมั่นใจ 

     2. พยายามอย่างเต็มกำลังที่จะใส่เฉพาะความคิดที่เป็นบวกลงในความทรงจำ อย่าให้ความคิดเป็นลบเเละติเตียนตนเองเติบโตจนกลายเป็นอสูรทางจิต ปฏิเสธที่จะฟื้นความหลังที่ขมขืนทุกประการ

     3. ฝึกทำในสิ่งที่จิตใต้สำนึกของคุณบอกว่าถูกต้อง สิ่งนี้จะป้องกันความรู้สึกผิดในจิตใจไม่ให้เกิดขึ้น ทำในสิ่งที่ถูกต้อง

     4. จัดให้ทุกคนอยู่ในสถานภาพที่เหมาะสม จำไว้ว่าคนเรามีความเหมือนกันมากกว่าที่จะเเตกต่างกัน มองทุกคนด้วยความรู้สึกที่เท่าเทียมกัน เเละสร้างทัศนคติที่เข้าใจผู้อื่น "คนจำนวนมากจะเห่า เเต่มีน้อยคนที่กัด"

     5. ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ มั่นใจ มั่นใจจริงๆ 


ต่อไปนี้เป็นเทคนิคที่คุณควรฝึกในกิจวัตรประจำวัน

- เป็นคนนั่งเเถวหน้า
- สบตา
- เดินเร็วขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์
- พูด
- ยิ้มเปิดเผย

ไม่มีข้ออ้าง 4 ประการ ที่เป็นเหตุเเห่งความล้มเหลว ของโรคเเก้ตัว 


1.เรื่องสุขภาพ

- ปฏิเสธที่จะพูดเรื่องสุขภาพ
- ปฏิเสธที่จะปริวิตกหรือเป็นทุกข์หนักใจเกี่ยวกับสุขภาพ 
- เตือนตัวเองบ่อยๆ ว่าชีวิตเป็นของคุณที่จะสนุกสนาน อย่าไร้สาระ
- จงรู้สึกยินดีอย่างจริงใจที่สุขภาพของคุณดีเท่าๆ กับของคนอื่น


2.เรื่องความฉลาด

- อย่า ประเมินมันสมองของคุณต่ำเกินไป เเละอย่าประเมินมันสมองของคนอื่นสูงเกินไปค้นหาให้พบความสามารถที่คุณมีอยู่ สิ่งสำคัญ คือวิธีที่คุณใช้สมองของคุณจัดการกับสมอง
- เตือนตัวเองวันละหลายๆ ครั้งว่า "ทัศนคติสำคัญกว่าสมอง"
- จำไว้ว่า ความสามารถที่จะคิดมีค่ามากกว่าความสามารถในการจำ


3.เรื่องอายุ

- มองอายุปัจจุบันของคุณในเเง่บวก คิดในสิ่งใหม่ๆ เพื่อสร้างความกระตืนร้นเเละความรู้สึกของความเป็นหนุ่ม 
- คำนวณเวลาที่คุณยังสามารถทำงานได้อย่างขยันขันเเข็ง ใช้เวลาในอนาคตทำในสิ่งที่คุณต้องการทำจริงๆ


4.เรื่องโชค

- ยอมรับกฏของเหตุและผล
- อย่าเป็นคนเพ้อฝัน


วิธีการคิดใหญ่ 

จำไว้ว่า คิดใหญ่ดีกว่าในทุกทาง

1. อย่ามีปมด้อย เอาชนะความรู้สึกที่ดูถูกตัวเอง มุ่งเน้นในคุณสมบัติของตนเอง "คุณดีกว่าที่คุณคิด"

2. ใช้คำของคนที่คิดใหญ่ ใช้คำใหญ่ สดใส เเละรื่นเริง ใช้คำพูดที่ให้คำสัญญาว่า "จะชนะ"

3. มองอนาคตให้ไกลขึ้น ดูว่าอะไรจะเป็นไปได้ ไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่เป็นอยู่ ฝึกเพิ่มคุณค่าให้กับสิ่งต่างๆ คนอื่นเเละตัวคุณเอง

4. มองงานของคุณให้ใหญ่ขึ้น คิดอย่างจริงจังถึงความสำคัญของงานที่คุณทำอยู่ในปัจจุบัน การเลื่อนขึ้นเลื่อนตำเเหน่งคราวหน้า ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับทัศนคติที่คุณมองงานในปัจจุบันของคุณ


ที่่มา : หนังสือ คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก

หยุดทบทวนตัวเอง....ว่าเราต้องการความสุขที่แท้จริงหรือไม่?

หยุดทบทวนตัวเอง....ว่าเราต้องการความสุขที่แท้จริงหรือไม่ ?




ผู้ชมทุกๆ ท่านลองใช้เวลาทบทวนบอกกับตัวเองเเล้วหรือยังว่า

"วินาทีนี้ เราทำอะไร เพื่ออะไรและเพื่อใคร"  หาคำตอบว่าจิตใจเรามีการตอบสนองเช่นไร ?


มีความสุขมากขึ้นไหม หรือมีความทุกข์ มีแรงผลักที่จะต้องทำให้เป็นเช่นนั้น จึงอยากให้ >> หยุดทบทวนตัวเองอีกครั้งก่อนที่ จะก้าวต่อไปในการดำรงชีวิต อย่างถูกทิศ ถูกที่ ถูกทางเเละถูกเวลา

คุณค่ะ คุณรู้ไหมว่า คนเราเกิดมาเพื่อทำงานหนักหรือใช้ชีวิต อย่างมีความสุข >>> คนทุกคนต้องการมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ต้องการความสุข 100% ช่ายไหมค่ะ

แน่นอนว่าความสุขมันต้องประกอบไปด้วย เงิน 100% ,เวลา 100%, เเละสุขภาพ 100% ต้องมาพร้อมกันเท่านั้นถึงเรียกว่า ความสุข เเบบ Happy Life 100%


เป้าหมายของชีวิต เเบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ค้นหาชีวิต สร้างชีวิต และใช้ชีวิต


1.ค้นหาชีวิต

ค้นหาความต้องการของตัวเองให้เจอว่า คุณรักที่จะทำอะไร? มีความสุขกับการทำสิ่งใดระหว่างประสบความสำเร็จในชีวิต การมีสุขภาพที่เเข็งเเรง หรือ การได้อยู่กับ คนในครอบครัว พยายามปรับให้ทั้ง 3 อย่างสมดุลกัน


2.สร้างชีวิต

ลงมือทำทันที ทำให้เต็มที่ 2-3 ปี รับผิดชอบในสิ่งที่กำลังทำ เราต้องทำอะไรบางอย่างที่จำเป็นเพื่อเดินทางไปสู่เป้าหมาย ในระหว่างนั้นขจัดข้อสงสัยให้หมดสิ้นไป


3.ใช้ชีวิต 

การ “ใช้ชีวิตกับปัจจุบันอย่างมีคุณค่า” รับผิดชอบในทุกๆวัน ใช้ชีวิตให้สนุก มีความสุขเติมเต็มไปด้วยชีวิตของเราเอง ให้คุณหยุดทบทวนตัวเอง รู้จักกฎของชีวิต กำหนดเป้าหมายให้ถูกต้อง ใช้ชีวิตให้ตรงเป้าหมาย ขอให้เชื่อมั่นภูมิใจในความเป็นตัวของคุณเองรักเคารพในการตัดสินใจของคุณ นั่นจะทำให้คุณมีความมุ่งมั่นในการทำทุกอย่างให้สำเร็จ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ในเเบบ Happy Life Project



ที่มา : https://www.facebook.com/getlife.better2

อะไรคือกุญแจสู่ความสำเร็จ ?

อะไรคือกุญแจสู่ความสำเร็จ ?


The key to success ? 




คุณ Angela ได้พยายามศึกษาอะไรคือกุญแจสู่ความสำเร็จ

สิ่งสำคัญในการรับชมวิดิโอนี้

Link : http://www.ted.com/talks/angela_lee_duckworth_the_key_to_success_grit


       หลังจากที่เธอได้เข้าไปทำวิจัยในสถานที่ต่างๆ ที่เเตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เช่น สถาบัน ฝึกทหาร West Point Military Academy, การเเข่งขันสะกดคำ ครูจบใหม่ที่ทำงานในสภาเเวดล้อมที่ยากลำบาก รวมถึงบริษัทเอกชนเพื่อา Sales ที่รักษายอดขายสูงอย่างต่อเนื่อง เเละใครได้รับค่าตอบเเทนมากที่สุด โดยเข้าไปค้นหาว่าใครประสบความสำเร็จเเละทำไม who is successful here and why?


       จากบริษัทที่ต่างกันทั้งหมดนี้ เเต่มีคุณสมบัติหนึ่งที่โดดเด่นขึ้นมา ที่จะช่วยคาดเาความสำเร็จได้เชัดเจนมาก เเละมันไม่ใช่ความฉลาดในการเข้าสังคม  ไม่ใช่ลูกลักษณ์ที่ดูดี ไม่ใช้สุขภาพที่เเข็งเเรง เเละมันไม่ใช่ไอคิวเเต่มันคือ... it wasn't social intelligence. It wasn't good looks, physical health, and it wasn't I.Q. it was...


ความเพียร คือ Passion ทุ่มเท เเละบากบั่นฟันฝ่า เพื่อเป้าหมายระยะยาว
ความเพียร คือ Stamina ความทนทาน
ความเพียร คือ กา
รมุ่งมั่นคิดเเต่ไปข้างหน้า วันเเล้ว วันเล่า ไม่เพียง
เเค่กี่สัปาดาห์หรือเเค่เดือน แต่เป็นปีเเละทำงานอย่างหนัก เพื่อให้อนาคตที่ฝันไว้กลายเป็นจริง
ความเพียร คือ การใช้ชีวิตแบบวิ่งมาราธอน ไม่ใช่วิ่งระยะสั้น



เปรียบกับการทำงานเเละการลงทุนก็เช่นเดียวกัน


     เราต้องมีความเพียรพยายามศึกษาค้นคว้าหาความรู้อยู่เสมอ สังเกตุพฤติกรรมและจังหวะ การลงทุน/ทำงานของตัวเอง เพื่อหาจุดเเก้ไขหรือที่ควรปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เเละที่สำคัญต้องมีความอดทนไม่ย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น ต้องมองภาพระยะยาวเอาไว้ว่า


"ลงทุนเพื่ออะไร" / "ทำงานเพื่ออะไร"

มองเป้าหมายของเรา โครยังไม่มี คิดมันขึ้นมาให้เห็นเด่นชัด เเละทำมันขึ้นมาให้เป็นจริง

อุปสรรคมีไวัฟันฟ่า มันจะทำให้เราเก่งเเละเเกร่งขึ้น มองภาพที่เป้าหมายเเละ ค่อยๆ สร้างมันขึ้นมา



ขอบคุณที่มาลิงก์ของ TIF
https://www.facebook.com/getlife.better2

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ทำไมต้องธุรกิจ MLM กับ Unicity ?

ทำไมต้องธุรกิจ MLM กับ Unicity ?





     ทำไมถึงต้องธุรกิจเครือข่าย ?

    - ลงทุนต่ำ แค่หลักพันซื้อสินค้ามาใช้ เริ่มต้นทำ MLM ได้ทันที
    - ไม่ต้องใช้ความรู้มาก มีระบบสอนธุรกิจ
    - มีความเสี่ยงต่ำ
    - ไม่ต้องใช้ประสบการณ์มาก
    - ไม่มีเพดานรายได้ (ตอบโจทย์คนที่อยากรวยได้)
    - มีอิสระทางการเงิน และอิสระภาพทางเวลา
    - ไม่มีใครเป็นเจ้านายคุณ Uplineไม่สามารถสั่งให้คุณทำงานได้
    - สามารถเกษียณ์ตัวเองได้
    - มีเวลาไปเที่ยว โดยที่มีรายได้เข้า เเม้หยุดทำงาน
    - สามารถตกทอดเป็นมรดกได้


     ทำไมต้อง Unicity ?

      - Unicity เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิต
    - บริษัทมีการวิจัยต่อยอดกันมากว่า 100 ปี
    - รวมเอา 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก (Rexall and Enrich) มารวมกันเป็น Unicity มีความมั่นคงสูงมาก
    - เป็นบริษัทที่มีรายได้มากที่สุดติด 1 ใน 3 ของโลก แล้วเข้า ตลาดหุ้น NASDEQ
    - เปิดล้วทั่วโลก 33  ประเทศ และกำลังจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ส่วนมากจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และกำลังพัฒนา
    - หุ่นจำลองร่างกายมนุษย์ มี 2 ตัวในโลก ตัวนึงอยู่ที่องค์การอนามัยโลก อีกตัวนึงอยู่ที่เรา!!!
    - แผนการตลาดที่ยุติธรรมที่สุด ใช้เวลาน้อยในการประสบความสำเร็จ
    - มีระบบสู่ความสำเร็จ UNIPOWER ซึ่งจะทำให้คุณประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
    - การขึ้นตำแหน่ง ใช้แค่ 3 สายงาน
    - ผลิตภัณฑ์ของ Unicity สามารถใช้แทนยาเคมีได้ โดยที่ไม่มีผลข้างเคียง
    - ได้เข้าไปบรรจุอยู่ในหนังสือคู่มือสั่งจ่ายยาของแพทย์ทั่วโลก (PDR)
    - มีระบบ KPI ซึ่งช่วยให้คุณมั่นใจในรายได้ตามระบบ และ ยังเกษียณ์ได้จริงภายในระยะเวลาไม่นาน
    - โรงพยาบาลในไทยนำผลิตภัณฑ์ของ Unicity เข้าไปสั่งจ่ายแทนยาเคมีหลายโรงพยาบาล เช่น บำรุงราษฎร์ กล้วยน้ำไท โรงพยาบาลเวชประสิทธ์ (ขอนแก่น)







     ทำไมต้อง Unipower ?

    - เป็นโรงเรียน ศูนย์การเรียนรู้ สอนขั้นตอนในการทำธุรกิจ
    - จัดทำสื่อและเครื่องมือช่วยในการทำธุรกิจ ในรูปแบบ CD, VCD, แคตตาล๊อคสินค้า
    - จัดประชุม OPP, Super OPP, UPS,Training
    - งานประดับเข็ม และประกาศเกียรติคุณ


   Unipower เป็นระบบรูปเเบบการทำงานในธุรกิจเครือข่ายที่ได้รับการพิสูจน์จากผู้นำในองค์กร ที่มีประสบการณ์เเละประสบความเร็จได้กลั่นกรอง เป็นระบบการทำงานที่เรียบง่าย สามารถปฎิบัติได้จริง ได้ผลเเละลอกเลียนเเบบได้



     ทำไมต้องมี TEAM ที่ดี ?


    เราเป็น Team Consult ที่ช่วยเหลือดูแลคุณไปตลอดเส้นทางการทำธุรกิจ การทำงานเป็นทีมที่ประสานเป็นหนึ่งเดียว สนับสนุนรูปแบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ได้รับการพิสูจน์จากผู้นำในองค์กร ที่มีประสบการณ์เเละประสบความสำเร็จ ได้กลั่นกรอง เป็นระบบการทำงานที่เรียบง่าย เร็วขึ้น แน่นอนขึ้น สามารถปฏิบัติได้จริง ได้ผล ลอกเลียนเเบบได้ สร้างผลลัพธ์เเละประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว




     ทำไมต้องเป็นเราที่ทำ ?


    ที่สำคัญ คือ ตัวเราว่าเราจะเเทนค่าเเค่ไหน อยู่ที่เราเลือก ลงทุน ขยันถูกที่ ถูกเวลา ถูกคน มีโค้ชที่ดี มีวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำอย่าง ท่านคุณหมอตาล (พัตร์ชัย เรือนสิทธิ์)  ทีมงานที่ดีมีคุณภาพ อย่างคุณเบนซ์ (จิรายุ วาณิชวัฒนะโกศล) เราต้องมีความเชื่อมั่น ศรัทธา ในผลลัพธ์ของผู้ประสบความสำเร็จมาแล้ว



     วิสัยทัศน์คุณหมอตาล (พัตร์ชัย เรือนสิทธิ์) ตำเเหน่ง Tripple Diamond  บ.ยูนิซิตี้


    ●  ชีวิตของคุณขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณเลือก 





สนใจสร้างผลลัพท์ร่วมกับ Passive.Life
สามารถ Inbox ได้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/getlife.better2

MLM ก้าวใหม่กับ Passive.Life

MLM ก้าวใหม่กับ Passive.Life





เราเชื่อว่าคุณทำ MLM ได้ง่ายกับระบบ Passive Life
หลายคนใช้ MLM เป็นเครื่องมือสร้างรายได้เสริม สร้างเงินล้าน จากการใช้ระบบ MLM ทำงาน 


เรามีโอกาสที่จะก้าวเป็นผู้นำ MLM ก่อนใคร เปิดโอกาสให้ตัวเอง ทำ MLM และขยายธุรกิจ MLM สู่โลกออนไลน์ ด้วยระบบการทำงานผ่านออนไลน์ 100%


    ระบบ Passive.Life


   เป็นระบบการเรียนรู้เทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำงานคุณง่ายขึ้น เร็วขึ้น จากเครื่องมือที่เรียบง่าย ใคร ๆ ก็ใช้งานได้ พร้อมกับแนะนำโค้ชผู้มีความสามารถในด้านต่างๆ ที่เข้ามาช่วย Support ให้ความสำเร็จนั้นง่ายมากขึ้นหลายคนล้มเหลวเพราะล้มเลิก ไปก่อนที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ เพราะขาดโค้ชที่ดี ขาดเทคโนโลยีที่ช่วยทำงาน


งานนี้คุณจะได้เทคนิค การทำงานที่ง่ายอย่างระบบ Passive Life


ธุรกิจ MLM คือเครื่องมือสร้างรายได้ที่ดีที่สุด ใช้เงินลงทุนต่ำและใช้ระบบทำงาน 
ธุรกิจ MLM คือเครื่องมือ ที่ใช้หาเงินได้ดีที่สุดในขณะนี้ สามารถทำเป็นอาชีพเสริมทำควบคู่กับอาชีพหลัก
ธุรกิจ MLM เป็นธุรกิจที่ลงทุนต่ำ ใช้เงินสมัคร MLM แค่หลักพันแต่สามารถสร้างรายได้มหาศาล
ธุรกิจ MLM ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปสำหรับคนรุ่นใหม่ สามารถทำงานผ่านระบบออนไลน์ได้ทันที



"ตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ทำกันไม่ได้ ไม่รู้จะแนะนำใคร ไม่มีรายชื่อในมือ ไม่เคยมีประสบการณ์"



    ธุรกิจเครือข่าย (MLM) ที่ดีเป็นอย่างไร


    Mr. Peter Drucker นักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกและกูรูทางธุรกิจ ได้กล่าวเอาไว้ว่าธุรกิจเครือข่ายที่ดี ต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบทั้ง 7 อย่าง

1.Company บริษัทต้องมีความมั่นคง แข็งแรง ฐานะทางการเงินต้องมั่นคง
2.Product สินค้าต้องมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยม ไม่มีคู่แข่ง
3.Plan แผนรายได้ต้องยุติธรรม และมีรายได้ที่คุ้มค่
4.Trends สินค้าต้องมีแนวโน้มที่เป็นที่ต้องการของตลาดในอนาคตและปัจจุบัน
5.Timing ช่วงเวลาต้องอยู่ในช่วงที่เริ่มต้นไม่นาน และอยู่ในช่วงกำลังเจริญเติบโต
6.Team ต้องมีผู้นำที่มีความเป็นมืออาชีพ สามารถช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จได้จริงๆ
7.Management ต้องมีระบบการจัดการที่เป็นมืออาชีพ ผู้บริหารงานต้องมีประสบการณ์ มายาวนานในด้านธุรกิจเครือข่าย


    ทำไมถึงต้องธุรกิจเครือข่าย

เพราะธุรกิจเครือข่ายสร้างโอกาสในการสร้างรายได้และกำหนดวิถีการดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง

- ลงทุนต่ำมีเงินแค่หลักพันซื้อสินค้ามาใช้เริ่มต้นทำ MLM ได้ทันที
- ทำ MLM ไม่ต้องใช้ความรู้มาก มีระบบสอนธุรกิจ ทำงานเป็นทีม
- ทำ MLM ไม่ต้องใช้ประสบการณ์มาก - ความเสี่ยงต่ำ
- ธุรกิจ MLMไม่มีใครเป็นเจ้านายคุณ Up-line ไม่สามารถสั่งให้คุณทำงานได้
- งาน MLM ไม่มีเพดานรายได้ (ตอบโจทย์คนที่อยากรวยได้)
- อาชีพที่สำเร็จแล้วจะมีอิสระทางการเงิน สามารถเกษียนตัวเองได้
- ทำไปมีเวลาไปเที่ยวโดยที่มีรายได้เข้าแม้หยุดทำงาน


การทำ MLM ออนไลน์และ MLM ออฟไลน์อย่างไหนดีกว่ากัน ?


การทำธุรกิจเครือข่าย MLM แบบออฟไลน์ มีข้อดีคือ

- มีสายสัมพันธ์
- สร้างความตื่นเต้นได้มากกว่า โดยเฉพาะเห็นคนอื่นทำได้และประสบความสำเร็จ
- เชื่อใจได้มากกว่า เพราะได้เห็นหน้าคนที่ชวน
- เป็นระบบที่มีมานานแล้ว การเรียนรู้มีรูปแบบชัดเจน



การทำธุรกิจเครือข่าย MLM แบบออนไลน์ มีข้อดีคือ

- ระบบ MLM ออนไลน์ก็เป็นระบบที่ถูกกับยุคดิจิตอลในปัจจุบัน
- สามารถขยายเผยแพร่ได้ง่ายรวดเร็ว
- เหมาะกับผู้ไม่ค่อยมีเวลา
- ลดต้นทุนได้มากกว่า เช่น ไม่ต้องเดินทาง
- สามารถขยายสายงานได้ทั่วโลก ทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน


เพราะฉะนั้นวิธีการทั้ง 2 วิธีนี้เป็นสิ่งที่เสริมกันได้ เช่น หากคุณทำออฟไลน์แล้วคนที่รู้จักหมด คุณก็จำเป็นต้องทำออนไลน์อยู่ดี อยากให้มองวิธีการใช้ระบบออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อประสมประสานการ
ทำงาน พูดง่าย ๆ คือ  ออนไลน์ เพื่อ ออฟไลน์ 


ทั้งสองอย่าง เป็นสิ่งที่ควรจะทำ ให้สมดุลและประสมประสานกัน  “ออนไลน์ สร้างรายชื่อ  ออฟไลน์สร้างคน” 


ถ้าทำทั้งสองอย่าง ก็จะยิ่งทำให้ธุรกิจเครือข่ายของคุณมีความมั่นคงยิ่งขึ้น


    ธุรกิจเครือข่ายในยุคออนไลน์  Passive.Life


 


.
สนใจสร้างผลลัพท์ร่วมกับ Passive.Life
สามารถ Inbox ได้เลยค่ะ
 

ค้นหาบล็อกนี้

 
Blogger Templates