" ยูนิซิตี้ " ก้าวผงาดสู่ธุรกิจขายตรงอันดับต้นๆ ของไทย
บทสัมภาษณ์ของ มร.คริสโตเฟอร์ คิม (President of Unicity Asia Pacific) คีย์แมนผู้ปั้นความสำเร็จดัน " ยูนิซิตี้ " ก้าวผงาดสู่ธุรกิจขายตรงอันดับต้นๆ ของไทย

"สุดยอดกลยุทธ์ คือ การสร้างพื้นฐานที่เเข็งเเกร่ง" ประโยคเด็ดที่ควรค่ากับความเหนือชั้นในการบริหารธุรกิจขายตรงระดับโลก "Unicity" ของหัวเรือใหญ่อย่าง "มร.คริสโตเฟอร์ คิม" ประธานผู้บริหาร ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก "บริษัท ยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นเเนล อิงค์" ซึ่งทุกครั้งในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "Leader Time Magazine" เมื่อถูกถามถึงกลยุทธ์สู่ความสำเร็จที่ผลักดันให้ "บริษัท ยูนิซิตี้มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด" เติบโตก้าวกระโดดและน่าเกรงขาม ในปัจจุบันนี้ได้ ก็คงยืนยันคำตอบเดียวว่า "ไม่ได้มีกลยุทธ์อะไรที่พิเศษหรือโดดเด่นมากไปกว่าการทำพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจทั้งหมดให้ดีที่สุด" จากการมีสินค้าที่ดีและตรงเวลา รวมถึงการโฟกัสความสำคัญไปที่ "ผู้นำนักธุรกิจ" ผู้ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมหลักในความสำเร็จทางธุรกิจของ บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด มาโดยตลอด
พร้อมได้ยกตัวอย่างการตั้งเป้าหมาย "การสร้างผู้นำนักธุรกิจยูนิซิตี้ในระดับ Presidential Diamond ทั่วโลกให้ได้ 10,000 รหัส" ซึ่ง มร.สจ๊วต ฮิวจส์ ประธานคณะกรรมการผู้บริหาร และประธานผู้บริหารระดับสูง บริษัท ยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นเเนล อิงค์ มีความมุ่งมั่นให้เป็นจริงให้ได้ สำหรับ มร.คริสโตเฟอร์ คิม มีความเห็นว่าอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ยูนิซิตี้ยืนยันที่จะเดินหน้าให้บรรลุเป้าหมายนี้ เพราะเป้าหมายการสร้างผู้นำนักธุรกิจยูนิซิตี้ระดับ Presidential Diamond ทั่วโลกให้ได้ 10,000 รหัส นั่นไม่ได้มองแค่จำนวนตัวเลขเพียงอย่างเดียวแต่มแงไกลไปกว่านั้นคือ การที่คนๆหนึ่งจะพัฒนาตัวเองให้ก้าวขึ้นมาเป็นนักธุรกิจยูนิซิตี้ในระดับ Presidential Diamond ได้ต้องมีความเป็นผู้นำอย่างแท้จริงเเละไม่ใช่เป็นเพียงผู้นำทางธุรกิจแต่ยังรวมถึงความเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิตที่ดีอีกด้วย

"ความเป็นจริงเป้าหมายการสร้างผู้นำนักธุรกิจยูนิซิตี้ทั่วโลกให้ได้ 10,000 รหัส นับเป็นตัวเลขที่เยอะมาก เเต่เป็นเป้าหมายที่ทำให้ต้องมีเรื่องให้คิด ให้ตื่นเต้นทุกวันว่า ยังมีอะไรที่ต้องทำอีกมากมาย เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่หวังไว้ให้ได้" มร.คริสโตเฟอร์ คิม กล่าว
ทุกวันนี้ ตลาดในแถบเอเชียเเปซิฟิกทั้งหมดของ บริษัท ยูนิซิตี้ ที่ มร.คริสโตเฟอร์ คิม รับผิดชอบดูแล ได้แก่ ไทย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง ไต้หวัน ลาว กัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมาร์ อินเดีย บรูไน เเละประเทศในแถบตะวันออกกลาง ต่างมีเเนวโน้มเติบโตไปได้ดีเเละต้องทำเติบโตมากขึ้น รวมถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในวันนี้ของ "ยูนิซิตี้ไทย" ก็ยังสามารถก้าวกระโดดไปข้างหน้าได้อีกไกลเช่นกัน
ประธานประจำภูมิภาคพื้นเอเชียเเปซิฟิก ยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นเเนล อิงค์ ยังกล่าวถึงปัจจัยที่นำพาความสำเร็จมาให้ "ยูนิซิตี้ไทย" เติบโตอย่างก้าวกระโดดก็เป็นเพราะได้แรงเกื้อหนุนจากผู้บริหารระดับสูงในบริษัทแม่อย่าง มร.สจ๊วต ฮิวจส์ ที่มีความเข้าใจตลาดเเละเข้าใจผู้นำนักธุรกิจเป็นอย่างดี โดยปรากฏออกมาให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง "มร.สจ๊วต ฮิวจส์" กับผู้นำนักธุรกิจยูนิซิตี้ทำได้อย่างที่อยากทำ เหมือนเช่นการสร้าง "ระบบยูนิพาวเวอร์ (UniPower)" ก็ถือเป็นระบบที่สร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่คิดค้นโดยผู้นำนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยจนกลายเป็นวัฒนธรรมที่เข้มเเข็ง ขณะเดียวกันในส่วนของบริษัทเองก็พร้อมให้การสนับสนุนในทิศทางที่ถูกต้องเพื่อช่วยให้ "ระบบยูนิพาวเวอร์ (UniPower)" เป็นระบบนำพาความสำเร็จที่มีความแข็งเเกร่งเเละยิ่งใหญ่มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นอกจากปัจจัยความสำเร็จข้างต้นที่ผลักดันให้ "ยูนิซิตี้ไทย" เติบโตอย่างมากเเละอย่างต่อเนื่องเเล้ว มร.คริสโตเฟอร์ คิมก็เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าอะไรเป็นปัจจัยหลักจริงๆ ที่ทำให้ตลาดภาคพื้นเอเซียเเปซิฟิคเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เเละเข้มเเข็งอย่างทุกวันนี้ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกลยุทธ์ของยูนิซิตี้กับบริษัทอื่นเเล้ว ต้องยอมรับความจริงว่า กลยุทธ์ของเราไม่ได้ดูเช็กซี่กว่าบริษัทอื่นเลย
ดังนั้นถ้าถามว่า มีอะไรเป็นปัจจัยหนุนนำธุรกิจยูนิซิตี้ไปสู่การเจริญเติบโตทั้งภูมิภาคได้ถึงเพียงนี้ หนึ่งในคำตอบที่ค้นเจอก็คงเป็นปัจจัยความสำเร็จจากกกลยุทธ์พื้นฐานแต่แข็งแกร่งรวมไปถึงการโฟกัสความสำคัญไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าที่ดีที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ใช้เเล้วเห็นผลลัพธ์จริง เนื่องจากได้ผ่านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ให้เหมาะกับตลาดเเละเหมาะกับผู้คนในภูมิภาคนี้

"ความสำเร็จที่เกิดขึ้นสำหรับยูนิซิตี้ทั้งในประเทศไทยเเละในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพราะเราอยู่ในตลาดถูกที่ ถูกทาง เเละยังถูกเวลา เหมือนอย่างช่วงที่ธุรกิจยูนิซิตี้เข้ามาในตลาดเมืองไทยใหม่ๆ เมื่อ 7-8 ปี ก่อนก็เป็นช่วงเวลาที่คนไทยมองหาโอกาสทางธุรกิจเเละเมื่อเราสามารถช่วยให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้นได้จริงๆ พร้อมกับมีระบบยูนิพาวเวอร์ เป็นระบบนำพาความสำเร็จที่สะท้อนให้ผู้คนได้เห็นว่า การมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือมีไลฟ์สไตล์ที่ดีขึ้นเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจยูนิซิตี้เกิดแรงเหวี่ยงไปสู่การเติบโตที่ดีขึ้นไปได้เรื่อยๆ นั่นเอง"
มร.คริสโตเฟอร์ คิม เน้นย้ำอีกว่า การมีชีวิตที่ดีขึ้นเป็นความต้องการพื้นฐานของคนเรา และนักธุรกิจทุกคนก็มีความสนใจในการขยายฐานไปในระดับข้ามชาติ ซึ่งธุรกิจยูนิซิตี้สามารถเติมเต็มความต้องการให้ได้ทั้งหมดหรือจะเรียกว่าเข้ามาถูกจังหวะก็ไม่ผิดนัก ยิ่งกับช่วงนี้เป็นการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ก็ยิ่งช่วยให้การทำธุรกิจยูนิซิตี้ขยายตัวออกไปได้กว้างขึ้นอีก อย่าง ณ วันนี้ธุรกิจยูนิซิตี้ทั้งในประเทศเวียดนาม เมียนมาร์เเละกัมพูชาก็ไปได้สวยมากซึ่งคำว่า "ไปได้สวย" สำหรับธุรกิจยูนิซิตี้จะมีตัวบ่งชี้อยู่ 3 ประเด็นหลักให้พิจารณานั่นก็คือ
ประเด็นเเรก พิจารณาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ประเด็นที่สองพิจาณาจากจำนวนคนที่เข้ามาร่วมธุรกิจเพิ่มขึ้น และประเด็นสุดท้าย พิจารณาจากจำนวนคนที่เข้ามาร่วมในการอบรมว่ามีอัตราการเพิ่มขึ้นมากเพียงใด ดังนั้นเมื่อพิจารณาตัวบ่งชี้ทั้ง 3 ประเด็น ดังกล่าวเเล้วก็จะเห็นได้เลยทันทีว่า ธุรกิจยูนิซิตี้ใน 3 ประเทศข้างต้นกำลังไปได้สวยจริงๆ รวมทั้งมีอัตราการเติบโตคล้ายๆกับ "ยูนิซิตี้ในประเทศไทยที่ผ่านมา"
"การเติบโตของธุรกิจยูนิซิตี้ทั้ง 3 ประเทศ เช่น เมียร์มาร์ มีการเติบโตที่เห็นได้ชัดโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังจะมีผู้นำนักธุรกิจยูนิซิตี้เมียร์มาร์หลายท่านมีแนวโน้มที่ก้าวขึ้นตำเเหน่งระดับ Presidential Diamond รวมถึงในเวียดนามที่มีผู้ำนำนัก ธุรกิจตำแหน่ง Triple Diamond และในกัมพูชาทีมีผู้นำนักธุรกิจตำแหน่ง Presidential Diamond เเละมีแนวโน้มที่จะมีตำแหน่งต่างๆมากขึ้น ขณะที่ใน สปป.ลาว อาจไม่ได้โตอย่างที่คาดหว้งไว้เเต่ถือเป็นตลาดที่ดีเเละมีเเนวโน้มไปได้ดี"
บอสใหญ่ผู้คุมตลาดภาคพื้นเอเชียเเปซิฟิกของยูนิซิตี้ กล่าวอีกว่า การทำตลาดของยูนิซิตี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งต้องยกเครคิตให้กับระบบนำพาความสำเร็จของนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยภายใต้ "ระบบยูนิพาวเวอร์ (UniPower)" ซึ่งสามารถสร้างผู้นำที่เข้มเเข็งเเละดีเยี่ยมได้ เพราะโดยความหมายของคำว่า "การสร้างผู้นำที่ดี" หมายถึงการสร้างคนให้เป็นคนที่ดีขี้นด้วยเเละที่น่าปลาบปลื้มใจเเทนนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยมากขี้นไปอีก คือประเทศไทยในฐานะเป็นผู้คิดค้น "ระบบยูนิพาวเวอร์ (UniPower)" ขึ้นมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ได้มีนักธุรกิจยูนิซิตี้จากนานาประเทศต่างนำเอาระบบยูนิพาวเวอร์ (UniPower)ไปใช้กันทั่วโลกเเม้เเต่ในยุโรป อังกฤษ เเละฝรั่งเศส ก็เริ่มใช้ระบบนี้เเล้ว หรืออย่างในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เเละสหรัฐอเมริกาเองยังได้นำระบบยูนิพาวเวอร์ (UniPower) มาใช้ด้วยเช่นกัน
"นอกจากระบบยูนิพาวเวอร์ที่คิดค้นโดยนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยที่ถูกนำไปใช้ทั่วโลกเเล้ว ในส่วนของนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยก็ยังรุกคืบในการขยายตลาดออกไปไกลทั้งในยุโรปเเละตะวันออกกลาง เอเชียกลางเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากเพราะวันนี้เราก็ได้เปิดออฟฟิศในประเทศบาห์เรน รวมทั้งเปิดศูนย์ DSC ที่รัฐดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อีกด้วย"
➤➤➤ สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ธุรกิจยูนิซิตี้ประสบความสำเร็จตลอดมาเป็น เพราะเรามีระบบที่ดีอย่าง ระบบยูนิพาว์เวอร์ เเละมีทีมผู้นำที่เก่งที่มีความเข้าใจในธุรกิจเเละช่วยเหลือทีมงานให้ประสบความสำเร็จอย่างมากที่สุด
สำหรับภาพรวมของการดำเนินธุรกิจของยูนิซิตี้ (ประเทศไทย) ในปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่ดีของเราอีกปีหนึ่ง มร.คริสโตเฟอร์ คิม มั่นใจว่าเราจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก (2 ดิจิต) ตามที่คาดหวังไว้ได้ภายในปีนี้ เพราะดูได้จากยอดขายที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในไทยเเละในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียง โดยมีปัจจัยต่างๆที่ช่วยส่งเสริม ได้เเก่ ปัจจัยความพร้อมของคนในธุรกิจยูนิซิตี้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลากรภายในบริษัท หรือผู้นำนักธุรกิจยูนิซิตี้ทุกท่าน ซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าสะท้อนออกมาให้เห็นถึงความตื่นตัวของผู้คนที่ทำธุรกิจร่วมกับยูนิซิตี้ รวมทั้งเป็นตัวบ่งบอกความมั่นใจอีกด้วยว่า ความตื่นตัวเเละตื่นเต้นในธุรกิจยูนิซิตี้จะยังคงสร้างความมั่นคงทางธุรกิจได้เป็นอย่างดีต่อไป
อีกปัจจัยหนึ่งมาจากการที่ยูนิซิตี้เปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยได้ขยายฐานการทำธุรกิจในระดับข้ามชาติมากขึ้น เหมือนที่กล่าวไปเเล้วว่า มีนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยจำนวนมากได้เข้าไปขยายตลาดในยุโรปเเละตะวันออกกลาง เอเชียกลาง ซึ่งตรงส่วนนี้ถือเป็นเเรงขับเคลือนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจยูนิซิตี้ไทยเติบโตไปด้วยเช่นกัน ควบคู่ไปกับศักยภาพที่ดีของระบบยูนิพาวเวอร์ (UniPower)
ปัจจัยต่อมาที่จะช่วยผลักดันการเติบโตอย่างมากให้กับยูนิซิตี้คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเเล้วยังมีผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินเเคร์เข้ามาทำตลาดเพิ่มขี้น โดยส่วนตัวของ มร.สจ๊วต ฮิวจส์ มีความใส่ใจกับการพัฒนาเเละทดลองสินค้าใหม่ๆ อยู่เสมอ ปัจจุบันกำลังทุ่มงบประมาณเเละสรรพกำลังให้กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 3 กลุ่ม ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการทดลองเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์สินค้าที่ดีที่ให้ผลลัพธ์จริงเเละมีความเเตกต่างในท้องตลาด มร.คริสโตเฟอร์ คิม กล่าว
นอกจากนี้ล่าสุดยูนิซิตี้ยังได้เข้าไปลงทุนซื้อกิจการ "ไร่ชาเชียวมัทฉะ" (Matcha Fields) ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้เป็นฐานการผลิตวัตถุดิบทางธรรมชาติที่นำมาเป็นส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์หลักๆ อย่าง ไบออสไลฟ์ อี (Bios Life E) เเละถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่สร้างความมั่้นใจได้ถีงการมีสารตั้งต้นที่สำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นคีย์โปรดักส์หนึ่งของยูนิซิตี้พร้อมๆ กับการการดูเเลพัฒนาเเละผลิตสินค้าในทุกขั้นตอนรวมไปจนถึงการเป็นเจ้าของสิ่งนั้นได้โดยเเท้จริง
สำหรับปัจจัยสุดท้ายจากการสนับสนุนเเละการทำงานร่วมกันของบริษัทเเละนักธุรกิจยูนิซิตี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ มร.คริสโตเฟอร์ คิม มองว่าเป็นปัจจัยในการสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นไม่เเพ้กันก็คือ การจัดงาน UNICITY GLOBAL CONVENTION ซึ่งจะจัดขึ้นในปี 2016 ที่ประเทศสิงค์โปร์ นับเป็นเป้าหมายสำคัญของนักธุรกิจยูนิซิตี้ ซึ่งต่างล้วนตั้งเป้าความสำเร็จเพื่อได้ก้าวขึ้นเวทีดังกล่าว
เช่นเดียวกับภาพความสำเร็จในงานวันนี้ งานพิธีประดับเข็มเกียรติยศกลางปี UNICITY MID-YEAR RECOGNITION 2015 ภายใต้คอนเซปต์ The Power of U เพื่อบ่งให้เห็นถึงพลังที่เกิดจาก U ที่หมายถีง UNICITY โดย มร.คริสโตเฟอร์ คิม กล่าวถึงด้วยความภาคภูมิใจว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของนักธุรกิจยูนิซิตี้ทั้งในไทยและในประเทศอื่นๆ กว่า 12 ประเทศ ที่ได้พร้อมใจเข้าร่วมงานกันอย่างล้นหลามกว่า 22,000 คนภายใน Hall 2 อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมเเพค เมืองทองธานี เพื่อร่วมเเสดงความยินดีกับนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยและประเทศเพื่อนบ้านที่ประสบความสำเร็จในระดับสูง ประกอบด้วย ระดับ Presidential Director 4 รหัส ระดับ Presidential Sapphire 1 รหัส เเละระดับ Presidential Diamond 1 รหัส
อย่างไรก็ตาม การจัดงานประดับเข็มพิธีเกียรติยศกลางปีในครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ได้การันตีให้เห็นถึงความสำเร็จของยูนิซิตี้ตามที่ได้กล่าวมาตั้งแต่ต้น อีกทั้ง มร.คริสโตเฟอร์ คิม ยังคงยึดมั่นใน "กฎสมอเรือ" ที่นำมาใช้บริหารธุรกิจ บริหารทรัพยากรบุคคล ให้ประสบความสำเร็จ โดยกล่าวว่า "เราคงไม่สามารถดูเเลเเค่คนบนพื้นน้ำเพียงอย่างเดียวได้เเต่ต้องดูให้ลึกลงไปตามสมอเรือที่ทอดลงไปใต้น้ำอีกด้วย" และสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ธุรกิจยูนิซิตี้ประสบความสำเร็จตลอดมาเป็นเพราะเรามีระบบที่ดีอย่าง ระบบยูนิพาวเวอร์ เเละมีทีมผู้นำที่เก่งที่มีความเข้าใจในธุรกิจเเละช่วยเหลือทีมงานให้ประสบความสำเร็จอย่างมากที่สุด
Cr.: ขอขอบคุณ จากหนังสือ Leader Time Magazine
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น