วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ทำไมถึงต้องเป็น Unipower System?

ทำไมถึงต้องเป็น Unipower System? 




           UPS (Unipower Seminar) เป็นงานฟังก์ชั่นที่ให้ วิสัยทัศน์ มุมมอง EMPOWERING การมาเติมพลังจากการเเบ่งปันประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของขุนพลเเห่งความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมด้วยการพิสูจน์ผลลัพธ์ของระบบยูพาวเวอร์ (Unipower Seminar) มุมมองแห่งความสำเร็จสู่ความเป็นเลิศด้วยวิสัยทัศน์จากผู้นำที่คัดสรรเเล้วจากระบบ และเป็นข้อเท็จจริงที่ใครๆ ก็ปฎิเสธไม่ได้ เป็นการเติมพลังเหล่าชาวยูนิพาวเวอร์เพียง 1 ครั้งใน 1  เดือน ทั้งการเเบ่งปัน "Happy Life Project"  ที่ทำให้เราพิสูจน์จากที่นี่ที่เดียว และพลาดไม่ได้กับความยิ่งใหญ่ ที่ทรงพลังมากๆ






         Why Unipower

       ●  Unipower เป็นระบบการฝึกอบรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผล เกิดการเสถียร ทำให้เกิดความสำเร็จ

       ●  จัดเตรียม "เครื่องมือ" มากมายเพื่อให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น เรียนรู้ในระยะสั้น ใช้งานง่าย มีประสิทธิภาพ และลอกเลียนแบบได้

       ●  เป็นแนวทางที่ช่วยให้คุณสร้างองค์กรธุรกิจเครื่อข่ายเเบบระยะยาวอย่างมั่นคง







เทรนด์ธุรกิจในอนาคต

เทรนด์ธุรกิจในอนาคต 




          พอล เซน พิลเซอร์  (Paul Zane Pilzer) นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน เป็นผู้ที่ได้ทำนายไว้ล่วงหน้าอย่างถูกต้องมาเเล้วถึงปรากฎการณ์น่าระทึกใจของระบบอินเตอร์เน็ตที่เข้ามามีบทบาทอย่างมหาศาลในชีวิตประจำวันเเละอนาคต


         อย่างกระเเสธุรกิจทำงานที่บ้าน โดยมีการจัดตั้งบริษัท Corporation สำนักงาน สร้างระบบขึ้นมา ซึ่งเป็นการใช้เงินลงทุนจำนวนค่อนข้างมาก ธุรกิจเเฟรนไซส์ Franchise โดยการลงทุนซื้อระบบสำเร็จรูป เปิดกระจายสาขา ซึ่งเป็นการใช้เงินลงทุนปานกลางขึ้นอนวทางที่ช่วยให้คุณสร้างองค์กรธุรกิจเครื่อข่ายเเบบระยะยาวอย่างมั่นคงยู่กับประเภทธุรกิจ ส่วนธุรกิจ Network  Marketing ธุรกิจที่เราทำ โดยจดทะเบียบเข้าร่วมกับธุรกิจสำเร็จรูป เป็นระบบที่รวมธุรกิจในระบบบริษัท Corporation และ เเฟรนไซส์ Franchise เอาไว้รวมกันทำให้ขนาดเล็กลง มีข้อเด่นคือ ได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าของ เเฟรนไซส์ส่วนตัว ที่สามารถขยายสาขาต่อไปได้ เป็นการใช้เงินลงทุนเพียงเล็กน้อย


      เคยทำงานเป็น Financial controller ในกระทรวงที่อายุน้อยที่สุด และเคยเป็นครูสอนในมหาลัย แต่ใน ช่วงเวลามากกว่า 11 ปี ที่ผ่านมา เขามองหา Passive income มาตลอด เรียนรู้วิธีสร้างโมเดลชีวิตเพื่อคำว่า "อิสระภาพ" มามากมาย!! ได้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หุ้น เขียนหนังสือทำ Franchise ต่าง ๆ มีรายได้หลายล้านเหรียญสหรัฐ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่เพียงแค่ 4 เดือน ที่มาร่วมกับ Unicity ท่านได้เจอโมเดล Financial Freedom แล้ว ในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อไปใช้ชีวิตที่มีความสุข ตอนนี้ทีมได้ขยายเติบโตไปทั่วทวีป ร่วมถึง ahrain Oman Kywait Jordan Algeria Morocco และอื่นๆ อีกมากมายทั่วตะวันออกกลาง


         นักการตลาดชั้นนำในยุคปัจจุบัน เช่น  Dr.Cgarlds W.King ศาสตราจารย์ด้านการตลาด มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ชิคาโก ได้กล่าวในหนังสือชื่อ “The New Professional”  ว่า ระบบธุรกิจ Network Marketing เป็นระบบธุรกิจคลื่นลูกใหม่ สำหรับนักประกอบการรุ่นใหม่ ที่จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเเละทรงพลัง จะครอบครองตลาดในศตวรรษที่ 21 ตามเเนวโน้มของเศรษฐกิจใหม่ ที่ผู้คนจำนวนมากจะถูกผลักออกจากสถานภาพลูกจ้างด้วยการลดขนาดขององค์กรต่างๆ ลง เพื่อลดค่าใช้จ่าย โดยการทดเเทนด้วยพลังอำนาจของระบบเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ที่สามารถทำงานได้มากกว่า เเม่นยำกว่า ต้นทุนต่ำกว่า เเละปัญหาน้อยกว่า




         Network Marketing คือ ระบบการทำอาชีพอิสระ หรือธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กด้านการตลาดสำเร็จรูปเเบบใหม่ ที่ได้พัฒนาเอาระบบการสื่อสารต่างๆ มาใช้เป็นเครื่องมือในการทำการตลาดอย่างเต็มรูปเเบบบ ผู้ทำธุรกิจสามารถทำงานจากที่บ้านของตนเอง หรือสถานที่ใดก็ได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องเดินทางไปทำงาน ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องเปิดเป็นบริษัท และไม่ต้องลงทุนตกเเต่งหน้าร้าน ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในยุคปัจจุบัน


         ระบบ Network Marketing เป็นเรื่องดีสำหรับผู้ประกอบรุ่นใหม่ที่เบื่อข้อจำกัดของระบบบริษัทเเละเริ่มไม่มั่นใจกับความมั่นคงของงานประจำ มองหาธุรกิจของตนเองที่เริ่มต้นง่าย เป็นทางเลือกใหม่ที่สามารถให้ความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวและก้าวหน้าอย่างนั่งยืน ได้มากกว่า


         กลุ่มผู้คนที่ทำงานในระบบ Network Marketing โดยที่เราเป็นเจ้าของธุรกิจโดยที่ไม่ใช่นายจ้างลูกจ้าง โดยมีบริษัทเเม่เป็นเเกนหลักในการจัดการภาระพื้นฐานทางธุรกิจอย่างเดียวกับระบบเเฟรนไซส์ Franchise เเละจัดสรรผลตอบเเทนตามผลงานของเเต่ละคนอย่างยุติธรรมในรูปแบบ Performance based compensation คนทำธุรกิจสามารถทุ่มเทพลัง ใช้ศักยภาพของตนเองอย่างสูงสุด เพื่อสร้างธุรกิจที่มั่งคงเเละสร้างผลตอบเเทนอย่างไม่มีขีดจำกัด เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายโอนเป็นมรดกให้ลูกหลานต่อไปได้ เสมือนการถือหุ้นบริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาอย่างไม่สิ้นสุด 


         Network Marketing จากเดิมเคยเข้าใจว่าเป็นธุรกิจขายตรงแบบ Door to Door หรือเคาะประตูขายสินค้าตามบ้าน เป็นที่เกรงกลัวของคนจำนวนมากที่ไม่ชอบงานขาย ในลักษณะที่ต้องง้อคนซื้อ ปัจจุบันรูปเเบบธุรกิจ Network Marketing ได้ถูกปฏิวัติเเละเปลี่ยนแปลงไปเป็นระบบธุรกิจยุคใหม่ที่ทรงประสิทธิภาพด้วยการสื่อสารทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่มีกระบวนการนำพาผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภค ดำเนิน การผ่านระบบสื่อสารเทคโนโลยีคนรุ่นใหม่ ได้เริ่มต้นเข้าสู่การเรียนรู้เเละทำความเข้าใจระบบการตลาดนี้ และนำเอานวัตกรรมสมัยใหม่ทางเทคโนโลยีการสื่อสาร Internet เเละ E-commerce ระบบไปรษณีย์ เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจที่ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถสร้างรายได้มหาศาลจริงๆ 


         ผลกระทบของกระเเสเศรษฐกิจใหม่ มีพลังที่อาจสร้างความเปลี่ยนเเปลงให้เกิดขึ้นในสังคมเเละมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนมากมาย นับตั้งแต่ค่าครองชีพมีเเต่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สภาพเเวดล้อมการทำงานที่กดดันด้วยความจำเป็นที่ต้องสร้างผลงาน ใช้เวลาทำงานไม่มีวันหยุด แข่งขันกันเพื่อความอยู่รอดมากขึ้น ค่าใช้จ่ายต่อรายได้ไม่สมดุลด้วยรูปเเบบการใช้ชีวิตของสังคมบริโภคมากขึ้น ค่าใช้จ่ายต่อรายได้ การบริโภคที่มากขึ้น การใช้บัตรเคดิตเเละการติดหนี้บัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้น คุณภาพชีวิตที่ต่ำลง เหมือนผู้คนในสังคมตกอยู่ในสภาพสนามแข่งหนู ที่เเทบจะไม่มีเวลาหยุดคิดถึงชีวิตของตนเองในอนาคต


         ความเปลี่ยนเเปลงของเศรษฐกิจใหม่ เราจะเห็นวิถีการดำรงชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วตามโลกาภิวัฒน์ รูปเเบบการทำงานเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง สามารถทำธุรกรรมได้ทั่วโลก สร้างรายได้อย่างมหาศาลโดยอาศัยระบบการค้าขายบนเครือข่าย หรือธุรกรรมอินเตอร์เน็ตในสภาพการทำงานอิสระ เเละด้วยนวัตกรรมความเจริญเติบโตเเบบก้าวกระโดดไปทั่้วโลก


     ● ข้อมูลการสำรวจ ของประเทศสหรัฐอเมริกา

86%  ของคนธุรกิจที่บ้านมีความสุขจากการทำงานของตนเองมากกว่าการทำงานให้คนอื่น
84%  แนะนำโอกาสการทำงานที่บ้านให้กับผู้อื่น
60%  คิดว่าธุรกิจส่วนตัวที่บ้านให้ผลตอบเเทนที่ดีกว่าหรือเท่ากับที่คาดหวัง
20%  เจ้าของธุรกิจที่บ้าน รายงานว่า ธุรกิจของเขามีรายรับ ระหว่าง US$ 100,000 - US$ 500,000 ในปีที่ผ่านมา
14%  จ่ายเงินให้กับตัวเองปีละ ปีละ US$ 50,000 -  US$ 250,000


     ●  มีคนเข้าสู่ธุรกิจทำงานที่บ้าน 8,000 คน/วัน
    หรือประมาณ 1 คนทุก 11 วินาที


ที่มา :  Figures Success Magazine

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

" ยูนิซิตี้ " ก้าวผงาดสู่ธุรกิจขายตรงอันดับต้นๆ ของไทย

" ยูนิซิตี้ " ก้าวผงาดสู่ธุรกิจขายตรงอันดับต้นๆ ของไทย


       บทสัมภาษณ์ของ มร.คริสโตเฟอร์ คิม (President of Unicity Asia Pacific) คีย์แมนผู้ปั้นความสำเร็จดัน " ยูนิซิตี้ " ก้าวผงาดสู่ธุรกิจขายตรงอันดับต้นๆ ของไทย




      "สุดยอดกลยุทธ์ คือ การสร้างพื้นฐานที่เเข็งเเกร่ง" ประโยคเด็ดที่ควรค่ากับความเหนือชั้นในการบริหารธุรกิจขายตรงระดับโลก "Unicity" ของหัวเรือใหญ่อย่าง "มร.คริสโตเฟอร์ คิม" ประธานผู้บริหาร ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก "บริษัท ยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นเเนล อิงค์" ซึ่งทุกครั้งในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "Leader Time Magazine" เมื่อถูกถามถึงกลยุทธ์สู่ความสำเร็จที่ผลักดันให้ "บริษัท ยูนิซิตี้มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด" เติบโตก้าวกระโดดและน่าเกรงขาม ในปัจจุบันนี้ได้ ก็คงยืนยันคำตอบเดียวว่า "ไม่ได้มีกลยุทธ์อะไรที่พิเศษหรือโดดเด่นมากไปกว่าการทำพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจทั้งหมดให้ดีที่สุด" จากการมีสินค้าที่ดีและตรงเวลา รวมถึงการโฟกัสความสำคัญไปที่ "ผู้นำนักธุรกิจ" ผู้ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมหลักในความสำเร็จทางธุรกิจของ บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด มาโดยตลอด


     พร้อมได้ยกตัวอย่างการตั้งเป้าหมาย "การสร้างผู้นำนักธุรกิจยูนิซิตี้ในระดับ Presidential Diamond ทั่วโลกให้ได้ 10,000 รหัส" ซึ่ง มร.สจ๊วต ฮิวจส์ ประธานคณะกรรมการผู้บริหาร และประธานผู้บริหารระดับสูง บริษัท ยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นเเนล อิงค์ มีความมุ่งมั่นให้เป็นจริงให้ได้ สำหรับ มร.คริสโตเฟอร์ คิม มีความเห็นว่าอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ยูนิซิตี้ยืนยันที่จะเดินหน้าให้บรรลุเป้าหมายนี้ เพราะเป้าหมายการสร้างผู้นำนักธุรกิจยูนิซิตี้ระดับ Presidential Diamond ทั่วโลกให้ได้ 10,000 รหัส  นั่นไม่ได้มองแค่จำนวนตัวเลขเพียงอย่างเดียวแต่มแงไกลไปกว่านั้นคือ การที่คนๆหนึ่งจะพัฒนาตัวเองให้ก้าวขึ้นมาเป็นนักธุรกิจยูนิซิตี้ในระดับ Presidential Diamond ได้ต้องมีความเป็นผู้นำอย่างแท้จริงเเละไม่ใช่เป็นเพียงผู้นำทางธุรกิจแต่ยังรวมถึงความเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิตที่ดีอีกด้วย







     "ความเป็นจริงเป้าหมายการสร้างผู้นำนักธุรกิจยูนิซิตี้ทั่วโลกให้ได้ 10,000 รหัส นับเป็นตัวเลขที่เยอะมาก เเต่เป็นเป้าหมายที่ทำให้ต้องมีเรื่องให้คิด ให้ตื่นเต้นทุกวันว่า ยังมีอะไรที่ต้องทำอีกมากมาย เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่หวังไว้ให้ได้" มร.คริสโตเฟอร์ คิม กล่าว


      ทุกวันนี้ ตลาดในแถบเอเชียเเปซิฟิกทั้งหมดของ บริษัท ยูนิซิตี้ ที่ มร.คริสโตเฟอร์ คิม รับผิดชอบดูแล ได้แก่ ไทย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง  ไต้หวัน ลาว กัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมาร์ อินเดีย บรูไน เเละประเทศในแถบตะวันออกกลาง ต่างมีเเนวโน้มเติบโตไปได้ดีเเละต้องทำเติบโตมากขึ้น รวมถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในวันนี้ของ "ยูนิซิตี้ไทย" ก็ยังสามารถก้าวกระโดดไปข้างหน้าได้อีกไกลเช่นกัน


       ประธานประจำภูมิภาคพื้นเอเชียเเปซิฟิก ยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นเเนล อิงค์ ยังกล่าวถึงปัจจัยที่นำพาความสำเร็จมาให้ "ยูนิซิตี้ไทย" เติบโตอย่างก้าวกระโดดก็เป็นเพราะได้แรงเกื้อหนุนจากผู้บริหารระดับสูงในบริษัทแม่อย่าง มร.สจ๊วต ฮิวจส์ ที่มีความเข้าใจตลาดเเละเข้าใจผู้นำนักธุรกิจเป็นอย่างดี โดยปรากฏออกมาให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง "มร.สจ๊วต ฮิวจส์" กับผู้นำนักธุรกิจยูนิซิตี้ทำได้อย่างที่อยากทำ เหมือนเช่นการสร้าง "ระบบยูนิพาวเวอร์ (UniPower)" ก็ถือเป็นระบบที่สร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่คิดค้นโดยผู้นำนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยจนกลายเป็นวัฒนธรรมที่เข้มเเข็ง ขณะเดียวกันในส่วนของบริษัทเองก็พร้อมให้การสนับสนุนในทิศทางที่ถูกต้องเพื่อช่วยให้ "ระบบยูนิพาวเวอร์ (UniPower)" เป็นระบบนำพาความสำเร็จที่มีความแข็งเเกร่งเเละยิ่งใหญ่มากขึ้น


     อย่างไรก็ตาม นอกจากปัจจัยความสำเร็จข้างต้นที่ผลักดันให้ "ยูนิซิตี้ไทย" เติบโตอย่างมากเเละอย่างต่อเนื่องเเล้ว มร.คริสโตเฟอร์ คิมก็เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าอะไรเป็นปัจจัยหลักจริงๆ ที่ทำให้ตลาดภาคพื้นเอเซียเเปซิฟิคเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เเละเข้มเเข็งอย่างทุกวันนี้ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกลยุทธ์ของยูนิซิตี้กับบริษัทอื่นเเล้ว ต้องยอมรับความจริงว่า กลยุทธ์ของเราไม่ได้ดูเช็กซี่กว่าบริษัทอื่นเลย


    ดังนั้นถ้าถามว่า มีอะไรเป็นปัจจัยหนุนนำธุรกิจยูนิซิตี้ไปสู่การเจริญเติบโตทั้งภูมิภาคได้ถึงเพียงนี้ หนึ่งในคำตอบที่ค้นเจอก็คงเป็นปัจจัยความสำเร็จจากกกลยุทธ์พื้นฐานแต่แข็งแกร่งรวมไปถึงการโฟกัสความสำคัญไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าที่ดีที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ใช้เเล้วเห็นผลลัพธ์จริง เนื่องจากได้ผ่านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ให้เหมาะกับตลาดเเละเหมาะกับผู้คนในภูมิภาคนี้





   "ความสำเร็จที่เกิดขึ้นสำหรับยูนิซิตี้ทั้งในประเทศไทยเเละในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพราะเราอยู่ในตลาดถูกที่ ถูกทาง เเละยังถูกเวลา เหมือนอย่างช่วงที่ธุรกิจยูนิซิตี้เข้ามาในตลาดเมืองไทยใหม่ๆ เมื่อ 7-8 ปี ก่อนก็เป็นช่วงเวลาที่คนไทยมองหาโอกาสทางธุรกิจเเละเมื่อเราสามารถช่วยให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้นได้จริงๆ พร้อมกับมีระบบยูนิพาวเวอร์ เป็นระบบนำพาความสำเร็จที่สะท้อนให้ผู้คนได้เห็นว่า การมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือมีไลฟ์สไตล์ที่ดีขึ้นเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจยูนิซิตี้เกิดแรงเหวี่ยงไปสู่การเติบโตที่ดีขึ้นไปได้เรื่อยๆ นั่นเอง"







      มร.คริสโตเฟอร์ คิม เน้นย้ำอีกว่า การมีชีวิตที่ดีขึ้นเป็นความต้องการพื้นฐานของคนเรา และนักธุรกิจทุกคนก็มีความสนใจในการขยายฐานไปในระดับข้ามชาติ ซึ่งธุรกิจยูนิซิตี้สามารถเติมเต็มความต้องการให้ได้ทั้งหมดหรือจะเรียกว่าเข้ามาถูกจังหวะก็ไม่ผิดนัก ยิ่งกับช่วงนี้เป็นการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ก็ยิ่งช่วยให้การทำธุรกิจยูนิซิตี้ขยายตัวออกไปได้กว้างขึ้นอีก อย่าง ณ วันนี้ธุรกิจยูนิซิตี้ทั้งในประเทศเวียดนาม เมียนมาร์เเละกัมพูชาก็ไปได้สวยมากซึ่งคำว่า "ไปได้สวย" สำหรับธุรกิจยูนิซิตี้จะมีตัวบ่งชี้อยู่ 3 ประเด็นหลักให้พิจารณานั่นก็คือ


   ประเด็นเเรก พิจารณาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ประเด็นที่สองพิจาณาจากจำนวนคนที่เข้ามาร่วมธุรกิจเพิ่มขึ้น และประเด็นสุดท้าย พิจารณาจากจำนวนคนที่เข้ามาร่วมในการอบรมว่ามีอัตราการเพิ่มขึ้นมากเพียงใด ดังนั้นเมื่อพิจารณาตัวบ่งชี้ทั้ง 3 ประเด็น ดังกล่าวเเล้วก็จะเห็นได้เลยทันทีว่า ธุรกิจยูนิซิตี้ใน 3 ประเทศข้างต้นกำลังไปได้สวยจริงๆ รวมทั้งมีอัตราการเติบโตคล้ายๆกับ "ยูนิซิตี้ในประเทศไทยที่ผ่านมา"



     "การเติบโตของธุรกิจยูนิซิตี้ทั้ง 3 ประเทศ เช่น เมียร์มาร์ มีการเติบโตที่เห็นได้ชัดโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังจะมีผู้นำนักธุรกิจยูนิซิตี้เมียร์มาร์หลายท่านมีแนวโน้มที่ก้าวขึ้นตำเเหน่งระดับ Presidential Diamond รวมถึงในเวียดนามที่มีผู้ำนำนัก ธุรกิจตำแหน่ง Triple Diamond และในกัมพูชาทีมีผู้นำนักธุรกิจตำแหน่ง Presidential Diamond เเละมีแนวโน้มที่จะมีตำแหน่งต่างๆมากขึ้น ขณะที่ใน สปป.ลาว อาจไม่ได้โตอย่างที่คาดหว้งไว้เเต่ถือเป็นตลาดที่ดีเเละมีเเนวโน้มไปได้ดี"

    
    บอสใหญ่ผู้คุมตลาดภาคพื้นเอเชียเเปซิฟิกของยูนิซิตี้ กล่าวอีกว่า การทำตลาดของยูนิซิตี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งต้องยกเครคิตให้กับระบบนำพาความสำเร็จของนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยภายใต้ "ระบบยูนิพาวเวอร์ (UniPower)" ซึ่งสามารถสร้างผู้นำที่เข้มเเข็งเเละดีเยี่ยมได้ เพราะโดยความหมายของคำว่า "การสร้างผู้นำที่ดี" หมายถึงการสร้างคนให้เป็นคนที่ดีขี้นด้วยเเละที่น่าปลาบปลื้มใจเเทนนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยมากขี้นไปอีก คือประเทศไทยในฐานะเป็นผู้คิดค้น "ระบบยูนิพาวเวอร์ (UniPower)" ขึ้นมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ได้มีนักธุรกิจยูนิซิตี้จากนานาประเทศต่างนำเอาระบบยูนิพาวเวอร์ (UniPower)ไปใช้กันทั่วโลกเเม้เเต่ในยุโรป อังกฤษ เเละฝรั่งเศส ก็เริ่มใช้ระบบนี้เเล้ว หรืออย่างในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เเละสหรัฐอเมริกาเองยังได้นำระบบยูนิพาวเวอร์ (UniPower) มาใช้ด้วยเช่นกัน



    "นอกจากระบบยูนิพาวเวอร์ที่คิดค้นโดยนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยที่ถูกนำไปใช้ทั่วโลกเเล้ว ในส่วนของนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยก็ยังรุกคืบในการขยายตลาดออกไปไกลทั้งในยุโรปเเละตะวันออกกลาง เอเชียกลางเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากเพราะวันนี้เราก็ได้เปิดออฟฟิศในประเทศบาห์เรน รวมทั้งเปิดศูนย์ DSC ที่รัฐดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อีกด้วย"



   สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ธุรกิจยูนิซิตี้ประสบความสำเร็จตลอดมาเป็น เพราะเรามีระบบที่ดีอย่าง ระบบยูนิพาว์เวอร์ เเละมีทีมผู้นำที่เก่งที่มีความเข้าใจในธุรกิจเเละช่วยเหลือทีมงานให้ประสบความสำเร็จอย่างมากที่สุด



      สำหรับภาพรวมของการดำเนินธุรกิจของยูนิซิตี้ (ประเทศไทย) ในปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่ดีของเราอีกปีหนึ่ง มร.คริสโตเฟอร์ คิม มั่นใจว่าเราจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก (2 ดิจิต) ตามที่คาดหวังไว้ได้ภายในปีนี้ เพราะดูได้จากยอดขายที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในไทยเเละในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียง โดยมีปัจจัยต่างๆที่ช่วยส่งเสริม ได้เเก่ ปัจจัยความพร้อมของคนในธุรกิจยูนิซิตี้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลากรภายในบริษัท หรือผู้นำนักธุรกิจยูนิซิตี้ทุกท่าน ซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าสะท้อนออกมาให้เห็นถึงความตื่นตัวของผู้คนที่ทำธุรกิจร่วมกับยูนิซิตี้ รวมทั้งเป็นตัวบ่งบอกความมั่นใจอีกด้วยว่า ความตื่นตัวเเละตื่นเต้นในธุรกิจยูนิซิตี้จะยังคงสร้างความมั่นคงทางธุรกิจได้เป็นอย่างดีต่อไป



     อีกปัจจัยหนึ่งมาจากการที่ยูนิซิตี้เปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยได้ขยายฐานการทำธุรกิจในระดับข้ามชาติมากขึ้น เหมือนที่กล่าวไปเเล้วว่า มีนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยจำนวนมากได้เข้าไปขยายตลาดในยุโรปเเละตะวันออกกลาง เอเชียกลาง ซึ่งตรงส่วนนี้ถือเป็นเเรงขับเคลือนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจยูนิซิตี้ไทยเติบโตไปด้วยเช่นกัน ควบคู่ไปกับศักยภาพที่ดีของระบบยูนิพาวเวอร์ (UniPower)



    ปัจจัยต่อมาที่จะช่วยผลักดันการเติบโตอย่างมากให้กับยูนิซิตี้คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเเล้วยังมีผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินเเคร์เข้ามาทำตลาดเพิ่มขี้น โดยส่วนตัวของ มร.สจ๊วต ฮิวจส์ มีความใส่ใจกับการพัฒนาเเละทดลองสินค้าใหม่ๆ อยู่เสมอ ปัจจุบันกำลังทุ่มงบประมาณเเละสรรพกำลังให้กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 3 กลุ่ม ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการทดลองเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์สินค้าที่ดีที่ให้ผลลัพธ์จริงเเละมีความเเตกต่างในท้องตลาด มร.คริสโตเฟอร์ คิม กล่าว



      นอกจากนี้ล่าสุดยูนิซิตี้ยังได้เข้าไปลงทุนซื้อกิจการ "ไร่ชาเชียวมัทฉะ" (Matcha Fields) ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้เป็นฐานการผลิตวัตถุดิบทางธรรมชาติที่นำมาเป็นส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์หลักๆ อย่าง ไบออสไลฟ์ อี (Bios Life E) เเละถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่สร้างความมั่้นใจได้ถีงการมีสารตั้งต้นที่สำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นคีย์โปรดักส์หนึ่งของยูนิซิตี้พร้อมๆ กับการการดูเเลพัฒนาเเละผลิตสินค้าในทุกขั้นตอนรวมไปจนถึงการเป็นเจ้าของสิ่งนั้นได้โดยเเท้จริง



 สำหรับปัจจัยสุดท้ายจากการสนับสนุนเเละการทำงานร่วมกันของบริษัทเเละนักธุรกิจยูนิซิตี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ มร.คริสโตเฟอร์ คิม มองว่าเป็นปัจจัยในการสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นไม่เเพ้กันก็คือ การจัดงาน UNICITY GLOBAL CONVENTION ซึ่งจะจัดขึ้นในปี 2016 ที่ประเทศสิงค์โปร์ นับเป็นเป้าหมายสำคัญของนักธุรกิจยูนิซิตี้ ซึ่งต่างล้วนตั้งเป้าความสำเร็จเพื่อได้ก้าวขึ้นเวทีดังกล่าว


      เช่นเดียวกับภาพความสำเร็จในงานวันนี้ งานพิธีประดับเข็มเกียรติยศกลางปี UNICITY MID-YEAR RECOGNITION 2015 ภายใต้คอนเซปต์ The Power of U เพื่อบ่งให้เห็นถึงพลังที่เกิดจาก U ที่หมายถีง UNICITY โดย มร.คริสโตเฟอร์ คิม กล่าวถึงด้วยความภาคภูมิใจว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของนักธุรกิจยูนิซิตี้ทั้งในไทยและในประเทศอื่นๆ กว่า 12 ประเทศ ที่ได้พร้อมใจเข้าร่วมงานกันอย่างล้นหลามกว่า 22,000 คนภายใน Hall 2 อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมเเพค เมืองทองธานี เพื่อร่วมเเสดงความยินดีกับนักธุรกิจยูนิซิตี้ไทยและประเทศเพื่อนบ้านที่ประสบความสำเร็จในระดับสูง ประกอบด้วย ระดับ Presidential Director 4 รหัส ระดับ Presidential Sapphire 1 รหัส เเละระดับ Presidential Diamond 1 รหัส






   อย่างไรก็ตาม การจัดงานประดับเข็มพิธีเกียรติยศกลางปีในครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ได้การันตีให้เห็นถึงความสำเร็จของยูนิซิตี้ตามที่ได้กล่าวมาตั้งแต่ต้น อีกทั้ง มร.คริสโตเฟอร์ คิม ยังคงยึดมั่นใน "กฎสมอเรือ" ที่นำมาใช้บริหารธุรกิจ บริหารทรัพยากรบุคคล ให้ประสบความสำเร็จ โดยกล่าวว่า "เราคงไม่สามารถดูเเลเเค่คนบนพื้นน้ำเพียงอย่างเดียวได้เเต่ต้องดูให้ลึกลงไปตามสมอเรือที่ทอดลงไปใต้น้ำอีกด้วย" และสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ธุรกิจยูนิซิตี้ประสบความสำเร็จตลอดมาเป็นเพราะเรามีระบบที่ดีอย่าง ระบบยูนิพาวเวอร์ เเละมีทีมผู้นำที่เก่งที่มีความเข้าใจในธุรกิจเเละช่วยเหลือทีมงานให้ประสบความสำเร็จอย่างมากที่สุด


Cr.: ขอขอบคุณ จากหนังสือ  Leader Time Magazine

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ยูนิซิตี้ ทำอะไร?

ยูนิซิตี้ ทำอะไร?


        ยูนิซิตี้ เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ รัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีประวัติที่น่าภาคภูมิใจมายาวนาน กว่า 100 ปี ยูนิซิตี้ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ว่าเป็นบริษัทหนึ่งใน บริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งทศวรรษ และอยู่ในอันดับที่ 87 ของระดับชาติ
      
            ซึ่งเป็นผู้นำในด้านการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และการดูแลสุขภาพ ที่ยูนิซิตี้เราเล็งเห็นถึงความสำคัญในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพและความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของทุกๆท่าน อีกทั้งเรายังเชื่อว่าทุกๆ ท่านสามารถประสบความสำเร็จและบรรลุถึงเป้าหมายภายใต้แรงบันดาลใจที่เกิดจากการแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับผู้คนที่อยู่รอบข้าง เราเชื่อว่าโครงสร้างโอกาสทางธุรกิจที่เรามอบให้ทุกท่าน โดยได้มีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน อีกหลายพันคนทั่วโลกให้พวกเขา "รู้สึกดีขึ้น-ดูดีขึ้น" และมี "ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น"



        ♣ ประวัติความเป็นมาการก่อตั้ง 

     - บริษัทมีการวิจัยต่อยอดกันมากว่า 100 ปี
     - รวมเอา 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก (Rexall and Enrich) มารวมกันเป็น Unicity มีความมั่นคงสูงมาก
     - จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ สหรัฐอเมริกา
     - เปิดแล้วทั่วโลก 30 ประเทศ และกำลังจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ในอเมริกา แคนนาดา เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และ ไทย
     - Body Machine หุ่นจำลองร่างกายมนุษย์ มีเพียง 2 ตัวในโลก หนึ่งตัวที่องค์การอนามัยโลก และอีกหนึ่งตัวที่ Unicity!!!




     - งบทุ่มทุนในการศึกษาวิจัยผลิตภัณฑ์ปีละกว่า 4,000,000,000 บาท
     - ผลิตภัณฑ์ของ Unicity  สามารถใช้แทนยาเคมีได้ โดยที่ไม่มีผลข้างเคียง
     - ได้เข้าไปบรรจุอยู่ในหนังสือคู่มือสั่งจ่ายยาของแพทย์ทั่วโลก (PDR)
     - โรงพยาบาลในไทยนำผลิตภัณฑ์ของ Unicity เข้าไปสั่งจ่ายแทนยาเคมีหลายโรงพยาบาล เช่น บำรุงราษฎร์ กล้วยน้ำไท โรงพยาบาลเวชประสิทธ์ (ขอนแก่น)
.
      Unicity = Rexall + Enrich 





      
     บริษัท Unicity เป็นการรวบรวมเอา 2 สุดยอดบริษัทยายักษ์ใหญ่ (2001) เข้าไว้ด้วยกัน คือ บริษัท Rexall และ บริษัท Enrich





 THE STORIES : กว่า 100 ปีแห่งความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ


     ★ Rexall (เร็กซอล)

     1903: จัดตั้งบริษัทที่ มลรัฐบอสตัน สหรัฐอมเริกา เป็นผู้ผลิตวิตามินรายเเรกของโลก

     1978: วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตามร้านขายยา

     1990: เปลี่ยนรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็นแบบขายตรง

     1991: บริษัทมียอดจำหน่ายในอัตราการเจริญเติบโต 340%

     1993: เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ

     1999: ได้รับการยกย่องจากนิตยสารฟอร์จูน (Fortune) ว่าเป็นบริษัทที่มีการขยายตัวเร็ว


     ★ Enrich International (เอนริช อินเตอร์เนชั่นแนล)

     1972: เป็นบริษัทแรกที่สามารถนำสมุนไพรมาบรรจุแคปซูลได้สำเร็จ

     1988: เป็นผู้นำธุรกิจสมุนไพรที่มีระบบการผลิตขนาดใหญ่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้เพียงพอ

     1992: เริ่มต้นธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม

     1996: ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Inc. 500 ว่าเป็น 1 ใน 100 บริษัทที่เติบโตเร็วสุด

     2001: Rexall + Enrich = Unicity

     *** ข้อมูลจาก LEADER TIME MAGAZINE ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) ปี 2558 ยอดขาย เพิ่มขึ้น โตมากถึง 200% ***


                       

อ้างอิงข้อมูล : ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์), บจก.

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เหตุที่คนเราเกิดความกลัว ?

เหตุที่คนเราเกิดความกลัว ? 





       ในชีวิตของคนเรามีเรื่องที่ควรทำให้กลัวไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ อีก 95 เปอร์เซ็นต์ ราบรื่นเป็นปกติ เเต่ความกลัวจะไปขยาย 5 เปอร์เซ็นต์นั้นให้ครอบงำเป็นอารมณ์ส่วนใหญ่ของชีวิต ดังนั้น ถ้าเกิดความกลัว จงเพ่งความสนใจไปที่ 5 เปอร์เซ็นต์นั้นเเล้ว วิเคราะห์หาเหตุผลว่าเกิดจากอะไร อย่าปล่อยให้มันมาครอบงำ ความราบรื่นในชีวิตประจำวันได้


    :  ความกลัวเป็นตัวขัดขวางศักยภาพการทำงานของจิตอย่างรุนเเรง เป็นบ่อเกิดของความวิตกกังวล ซึ่งสามารถทำลายทั้งสุขภาพกายเเละใจ ถ้าคุณไม่กลัว จะสามารถทำอะไรได้อย่างมากมายมหาศาล

    :  ความกลัวจะสัมพันธ์กับระดับการขาดสติ ยิ่งกลัวมาก ยิ่งขาดสติ ยิ่งขาดสติก็ยิ่งกลัว ผู้ที่ฝึกเจริญสติอยู่เสมอ ความกลัวจะลดลงโดยอัตโนมัติ

    :  ความไม่กลัวมิได้หมายความว่าประมาท ความไม่กลัวที่ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ คือ กล้าคิด พูด ทำ ด้วย การใช้สติปัญญาไตร่ตรองโดยรอบคอบ มีเหตุผลสมควร จะช่วยให้คุณมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงเเละไม่ผิดพลาด


   ► เหตุที่คนเราเกิดความกลัว ? 


    เพราะไม่เข้าใจถึงเหตุผลและความจริง จินตนาการเกินเลยไปจนเกิดภาพหลอนขึ้นในใจ เช่น บางคนกลัวความไม่รู้ กลัวความผิดหวัง กลัวความทุกข์ยาก ขัดสน กลัวความโดดเดี่ยว กลัวความเจ็บปวด บางคนกลัวผี ในความมืด แม้บางคนคิดว่าผีไม่มีจริง เเต่เมื่ออยู่ในบรรยากาศที่่วังเวง บางครั้งความรู้สึกกลัวผีก็ผุดขึ้นมา เห็นรูปร่างของต้นไม้เป็นผีเปรต เห็นเงาของต้นกล้วยเป็นผีตานี


    เหตุที่เห็นเช่นนั้นเพราะจินตนาการล้วนๆ เนื่องจากความกลัวสิ่งที่ไม่รู้ หากเราเดินเข้าไปในถ้ำโดยที่รู้ว่าอะไรรออยู่ที่นั่นเราก็จะรู้ว่าเราจะตกอยู่ในสถถานการณ์เเบบใดเเละจะรับมืออย่างไร เเต่หากเราไม่รู้เราก็จะหวาดกลัว เหมือนกับความมืดทำให้มองไม่เห็นความจริง พอไฟสว่างเห็นทุกอย่างชัดเจนขึ้น ความกลัวก็หายไป คนเรากลัวความทุกข์ยากที่เกิดจากความไม่มีเเละกลัวความรู้สึกต้อยต่ำเเละถูกเเบ่งเเยกมากยิ่งกว่าทำให้บางครั้งเราก็ต้องการมากกว่าสิ่งที่เราจำเป็นจะต้องมี

   ► วิธีเอาชนะความกลัว?


    ให้มองไปที่สาเหตุ เเล้วลองฝืนใจทดสอบความจริงดู ใช้ปัญญาวิเคราะห์ ทำเช่นนี้บ่อยๆจะรู้เหตุ รู้ผล ความกลัวจะลดน้อยลง ความไม่ชัดเจนคือ บ่อเกิดของความกลัว พยายามหาข้อเท็จจริงให้มากที่สุด


    :  จงฝึกสติสัมปชัญญะอยู่เสมอๆ เพราะสติ คือ สิ่งที่ใช้กำจัดความกลัวได้อย่างชะงัด ระดับความกลัวจะแปรผกผันกับ กำลังสติ ยิ่งคุณมีสติ ยิ่งไม่กลัว คุณจะเกิดปัญญาเห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง


    :  ความกลัวเป็นสาเหตุให้เกิดความวิตก กังวล เครียด ซึ่งอยู่ในกลุ่มของกิเลสที่เรียกว่าโมหะคือความไม่รู้หรืออวิชชา อันเกิดจากการขาดสติ ถ้าคุณสามารถฝึกเจริญสติให้เข้มเเข็ง มีพลังมีกำลังมากเท่าไร กิเลสเหล่านี้ จะลดน้อยลงหรือหมดไป สติที่ฝึกดีเเล้วจะช่วยคุณ "รู้"  ถูกต้องตามความเป็นจริง


    ถ้าคุณเป็นคนที่มีความกลัว มีความวิตก มีความกังวล มีความเครียดเป็นนิสัย จงหัดฝึกเจริญสติ สติที่เข้มแข็งจะช่วยให้ตัวกิเลสหรือโมหะเหล่านี้ลดลงหรือหายไปได้



 

ค้นหาบล็อกนี้

 
Blogger Templates